ข่าวในประเทศ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. ดัชนีเอ็มพีไอขยายตัว 2.5-3.5% แรงส่งจากรายได้ท่องเที่ยว 2-3 แสนล้าน(ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า, ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2566 คาดการณ์อยู่ที่ 2.5-3.5% เนื่องจากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นสะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น โดย สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประเมินว่าจากนโยบายจีนเปิดประเทศจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000-300,000 ล้านบาท ทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นและส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศที่แท้จริง(จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.30% รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช้อปดีมีคืน จากความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังและติดตามปัจจัยเสี่ยงจากราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง อุปสงค์สินค้าในตลาดโลกจากการที่ตลาดส่งออกสำคัญและคู่ค้าหลักมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลต่อการส่งออกของไทยได้ ด้านนางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่าอุตสาหกรรมไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวตามกระแสโลกและตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ เครื่องปรับอากาศเทคโนโลยีสูง เม็ดพลาสติกชีวภาพ เภสัชภัณฑ์ สิ่งทอเทคนิค และยางล้อรถประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะบรรยากาศการเลือกตั้งในประเทศที่กำลังจะมีขึ้นช่วงกลางปีนี้ ยังเป็นปัจจัยหนุนการอุปโภคบริโภคในประเทศ การพิมพ์ สื่อโฆษณา เครื่องดื่ม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.32 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.62% อัตราการใช้กำลังการผลิตสะสมทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 62.61% เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ปี 2565 ขยายตัว 2.95% การนำเข้าสินค้าทุนปี 2565 ขยายตัว 2.48% และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ปี 2565 ขยายตัว 6.43% ดัชนีเอ็มพีไอเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 93.89 ลดลง 8.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 102.26 อุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำมันปาล์ม จากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน ยานยนต์ จากรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตลาดส่งออกขยายตัว และน้ำมันปิโตรเลียมที่กลับมาผลิตได้อีกครั้ง
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
2. ครม. เคาะขึ้นค่าจ้างแรงงานฝีมือ (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566)
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ว่า ครม. เห็นชอบกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 สาขาอาชีพ รวม 17 สาขา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 ครั้งที่ 11/2565 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 17 สาขา ดังนี้ กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ ประกอบด้วย 1) สาขาช่างระบบส่งถ่ายกำลัง ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 495 บาทต่อวัน 2) สาขาช่างระบบปั๊มและวาล์ว 515 บาทต่อวัน 3) สาขาช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาทต่อวัน 4) สาขาช่างปรับ 500 บาทต่อวัน 5) สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก-แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ 520 บาทต่อวัน และ 6) สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 545 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 635 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 715 บาทต่อวัน สำหรับกลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล ประกอบด้วย 1) สาขาช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 465 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 535 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 620 บาทต่อวัน 2) สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาทต่อวัน 3) สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาทต่อวัน 4) สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาทต่อวัน (โดยปรับขึ้นจากเดิม 550 บาทต่อวัน) และ 5.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตัก 520 บาทต่อวัน
อย่าไรก็ดี สำหรับกลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ ประกอบด้วย 1) สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบำบัด) ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 2) สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (วารีบำบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 3) สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบำบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 4) สาขาพนักงานผสมเครื่องดื่ม (ระดับ 1) 475 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 525 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 600 บาทต่อวัน 5) สาขาการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 530 บาทต่อวัน และ 6) สาขาช่างเครื่องช่วยคนพิการ (ระดับ 1) 520 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะมีผลใช้บังคับ 90 วันหลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
3. เอกชนหวังค่าไฟลดได้อีก (ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566)
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังคณะทำงานพลังงานและค่าไฟฟ้าของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมหารือกับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาค่าไฟแพง ว่า เบื้องต้นราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือค่าเอฟที งวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 66 จะต่ำกว่างวดปัจจุบัน (ม.ค.-เม.ย. 66) ที่อยู่ที่หน่วยละ 5.33 บาทแน่นอน โดยภาคเอกชนยังตั้งเป้าหมายให้ต่ำกว่า 5 บาท โดยนายอิศเรศ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ภาครัฐได้หารือร่วมกับภาคเอกชนในเชิงลึก เป็นครั้งแรก ซึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะประชุมร่วมกันทุก 2 สัปดาห์ อีกประมาณ 3 ครั้ง จนกว่าจะสรุปราคาค่าเอฟทีครั้งใหม่ โดยภารกิจหลักหารือ คือการบริหารจัดการแก้ปัญหาค่าเอฟที งวด พฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ให้มีต้นทุนต่ำที่สุด โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จากการหารือพบว่ามีข่าวดีที่ค่าไฟฟ้างวดต่อไปจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่จะลดลงอย่างไร ต้องติดตามปัจจัยต่าง ๆ ในขั้นสุดท้ายอีกครั้ง คาดว่าจะเห็นตัวเลขชัดเจนในเดือน มี.ค.นี้ ขณะเดียวกันเรายังมองไปถึงอนาคตพลังงานของประเทศไทยเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในการตอบโจทย์ลดภาวะโลกร้อนที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วน กรอ.พลังงานยังไม่ตั้งในช่วงนี้โดยขอดำเนินการภายใต้คณะทำงานร่วมกันไปก่อน
อย่างไรก็ตาม นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. กล่าวว่า ได้อธิบายวิธีการคำนวณค่าไฟฟ้าให้เอกชนรับทราบ โดยงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 นี้ ต้องดูว่าจะพิจารณาอย่างไร จากสมมุติฐานที่มีผลต่อการกำหนดค่าไฟก็ดีขึ้น เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าจากเดิมอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดจร ที่ปัจจุบันราคากว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ราคานี้ถือว่าลดลงจาก 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู แต่ต้องติดตามความผันผวนหลังจากนี้อีกครั้ง ขณะที่ราคาน้ำมันก็ลดลง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้แนวโน้มค่าไฟดีขึ้น หากทุกอย่างยังเหมือนเดิมราคาค่าไฟอาจปรับลดลงได้ แต่ยังมีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่ง กกพ. ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับการตัดสินใจอีกครั้ง
ข่าวต่างประเทศ
4. ดอลลาร์อ่อนค่า อุปสงค์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ตลาดน้ำมันปิดแบบผสมผสาน WTI เกือบ 79 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่มา: ศูนย์ข่าวแปซิฟิค, ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566)
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่า อุปสงค์น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 178,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 20.59 บาร์เรลต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ทำให้ราคาน้ำมันโลกปิดผสมผสานในวันอังคาร (31 มกราคม 2566) ได้แรงหนุนจากข้อมูลที่ชี้ถึงอุปสงค์พลังงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และดอลลาร์อ่อนค่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม 2566 เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ ปิดที่ 78.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมีนาคม 2566 ลดลง 41 เซนต์ ปิดที่ 84.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าทำให้น้ำมันที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินสหรัฐฯ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ ซึ่งปัจจัยเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่านี้ ทำให้ราคาทองคำ ปิดบวก ทำสถิติขยับขึ้น 3 เดือนติดต่อกัน ราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนเมษายน 2566 เพิ่มขึ้น 6.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,945.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์
|
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) |