ข่าวในประเทศ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี
1. มาตรการชุด 2 ช่วยคนตกงาน (ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563)
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาออกมาตรการชุดที่ 2 ให้ความช่วยเหลือประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก รองลงมาถึงจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจาก มาตรการชุดที่ 1 ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว และสั่งการให้กระทรวงการคลัง ติดตามมาตรการ ชุดที่ 1 หลังจากที่ออกไปแล้ว เช่น การปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ การขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ การลดเงินต้นและอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น เพราะรัฐบาลกลัวเมื่อ ครม.อนุมัติไปแล้ว จะมีคนไม่ปฏิบัติตาม ทำให้มาตรการที่อนุมัติไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าการแพร่ระบาดจะทวีความรุนแรงแค่ไหน และยาวนานแค่ไหน รัฐบาลจึงต้องเตรียมการเอาไว้พร้อม ซึ่งในอนาคตผลกระทบของโควิด-19 จะทำให้แรงงานตกงานมากขึ้น ที่สำคัญจะไม่ใช่เฉพาะแรงงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรและการส่งออก ส่วนมาตรการแจกเงินคนละ 1,000 บาท จำนวน 2 เดือน รวมคนละ 2,000 บาท นายกรัฐมนตรีสั่งให้ชะลอออกไปก่อน แต่ไม่ได้หมายความยกเลิกมาตรการ
อย่างไรก็ตาม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า จะพยายามติดตาม และออกมาตรการต่างๆ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเป็นบวก ไม่ติดลบ เพราะหากชะลอตัวมากเกินไป หรือมีลักษณะไหลลงแบบตกท้องช้าง การกอบกู้สถานการณ์จะทำได้ยาก ดังนั้น มาตรการที่ออกมาต้องมีความรุนแรง และมีความเหมาะสม ไม่ใช้จ่ายเงินมากเกินไป “ในช่วงเดือน ม.ค.ต้นเดือน ก.พ. ยังมองว่าจะมีผลกระทบ 3 เดือน และใช้เวลาในการดึงสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ 2 เดือน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ไวรัสโควิด-19 น่าจะมีการแพร่ระบาด 9 เดือน และจะใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 3 เดือน รวมประมาณ 11 เดือน หรือ 1 ปี และได้สั่งการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปศึกษาผลกระทบใน 3 กรณี คือ รุนแรงน้อย รุนแรงปานกลาง และรุนแรงมาก พร้อมให้เสนอแนะมาตรการต่างๆเพื่อให้รัฐบาลตัดสินใจในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจต้นเดือน เม.ย. นี้ด้วย
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง
2. จ่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วย สายการบิน-โลจิสติกส์ (ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563)
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งต่อไป นอกจากที่ประชุมจะมีการประเมินผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังเตรียมพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติม โดยเน้นไปที่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่โควิด-19 แพร่ระบาดในระยะยาว เช่น ธุรกิจสายการบินที่ได้รับผล กระทบมากจากการงดการเดินทางของนักท่องเที่ยว และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ได้รับผลกระทบจากการขนส่ง การปิดเมืองและปิดประเทศ รัฐบาลติดตามและประเมินโควิดที่จะเกิดกับเศรษฐกิจเป็นระยะ แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะนี้คือการแพร่ระบาดจากที่หนึ่งไปยังอีก ที่หนึ่งซึ่งนอกประเทศจีนเริ่มมีหลายประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมาก โดยเฉพาะในยุโรป เราเห็นอิตาลีมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากขึ้น ขณะที่สหรัฐก็เริ่มมีการแพร่ระบาดจนมีการประกาศหยุดเรียนและชัตดาวน์เมือง ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องทำใจว่าผลกระทบกับเศรษฐกิจจะเกิดขึ้น ในวงกว้างถือเป็นคลื่นลูกที่ 3 ของการระบาด และต้องเตรียมว่าถ้าโควิดจะอยู่กับเราทั้งปี รัฐบาลจะมีมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างไรออกมารับมือ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการประเมินด้วยว่ามาตรการที่ออกไปก่อนหน้านี้จำนวน 14 มาตรการมีความเพียงพอและสามารถช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ในระดับใดและต้องมีการเพิ่มมาตรการใด ๆ เข้าไปซึ่งก็จะมีการหารือกับภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนได้มากขึ้นในช่วงที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ครม.เศรษฐกิจ ได้รายงานสถานการณ์และผลกระทบจากการแพร่ระบาดให้นายกรัฐมนตรีและ ครม. รับทราบ โดยผลกระทบที่จะเกิดกับการท่องเที่ยวซึ่งในขณะนั้นก็มีการประเมินว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจไทย 3 เดือน โดยเฉพาะในภาคของการท่องเที่ยวก่อนที่จะเข้าสู่การฟื้นฟูได้ ขณะที่การประเมินเศรษฐกิจในการประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการออกมาตรการเศรษฐกิจชุดแรกประเมินว่าผลกระทบของโควิด-19 คาดว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดภายในเดือน มิ.ย. 2563 และจะเข้าสู่การฟื้นฟูได้ในช่วงปลายปีนี้ นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อการแพร่ระบาดได้ขยายออกไปจากจีนไปสู่ประเทศอื่น ๆ และส่งผลให้เริ่มกระทบกับภาคการผลิตที่มีซัพพลายเชนในภาคการผลิต ซ้ำเติมภาคท่องเที่ยวและภาคบริการที่มีปัญหาทำให้เศรษฐกิจในปีนี้มีความท้าทายมาก ดังนั้นที่เกี่ยวข้องกันในการประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งที่ผ่านมาก็ได้มีการประเมินว่าการแพร่ระบาดของโรคนี้อาจจะสิ้นสุดในช่วงเดือน มิ.ย. อย่างไรก็ตาม หากไม่เป็นไปตามสมมุติฐานนี้ ครม.เศรษฐกิจต้องมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
นาย วิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์
รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)
3. สอน. ดันไบโอฮับ อีอีซี ผุด ศูนย์อุตสาหกรรมชีวภาพ (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ , ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563)
นาย วิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สอน. อยู่ระหว่างการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ และสร้างห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสากล รองรับการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน ISO 17025 ตลอดจน
การพัฒนาฐานข้อมูลและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านงานวิจัย โดยการสร้างศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรม โดยการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติ การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากอ้อย น้ำตาลทราย และพืชเศรษฐกิจอื่น
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพยังทดสอบคุณสมบัติมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต และเป็นศูนย์กลางในการค้นคว้า ทดลอง ทดสอบ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบมุ่งสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ให้กับผู้ประกอบการซึ่งตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580) ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจตามนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ New S-curve ของรัฐบาลด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ ภายในอีอีซี โดยเป็นการดำเนินการขั้นกลางเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทย และสร้างแพลตฟอร์มให้เกิดการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการให้ผลิตและจำหน่ายอุตสาหกรรมชีวภาพอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
อย่างไรก็ดี ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายภาคที่ 3 ต.ท่าพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรีซึ่งอยู่ในเขตอีอีซี ที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการผลิตพลาสติกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความพร้อมในการพัฒนาไปสู่การผลิตด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ การตั้งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยในการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมชีวภาพจากอ้อย น้ำตาลทราย และพืชเศรษฐกิจอื่น เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพ ด้านพลังงานชีวภาพ เคมีชีวภาพ และพลาสติกชีวภาพต่อไปการดำเนินงานของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพจะเหมือนกับศูนย์ ITC (Industry transformation center) หรือศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่กระทรวงอุตสาหกรรมกระจายอยู่ในภูมิภาค ซึ่งจะเน้นปฏิรูปอุตสาหกรรมชีวภาพ ยกระดับผลผลิตการเกษตรไปสู่สินค้าทางชีวภาพที่มีมูลค่าสูง จะเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริม พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าชีวภาพจากอ้อย น้ำตาลทราย และพืชเศรษฐกิจอื่น
ข่าวต่างประเทศ
4. เฟด ฉีดยาแรงหั่นดอกเบี้ยเหลือ 0% (ที่มา: www.bangkokbiz news.com , ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2563)
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมฉุกเฉินวานนี้ (15 มี.ค. 2563 )ตามเวลาท้องถิ่น ลงอีก 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมทั้งประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แถลงการณ์ของเฟด ระบุว่า จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับนี้ไปจนกว่าเฟดจะมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำให้การจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา ขณะเดียวกัน เฟด ยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 1.25% สู่ระดับ 0.25% และขยายอายุเงินกู้เป็นเวลา 90 วัน ทั้งยังปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารลงสู่ระดับ 0%
อย่างไรก็ตาม เฟดยังประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางระดับโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส ในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางข้อตกลงสว็อประหว่างธนาคารกลางดังกล่าว ความเคลื่อนไหวของเฟดในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินมาตรการครั้งใหญ่ที่สุด ภายในวันเดียวที่เฟดเคยดำเนินการมา และเป็นการประชุมฉุกเฉินที่เกิดขึ้นก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีกำหนดจัดการประชุมวาระปกติในวันที่ 17-18 มี.ค. หลังเสร็จสิ้นการประชุม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความชื่นชมการตัดสินใจขอองเฟด โดยระบุว่า "นี่เป็นข่าวดีมากๆ เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมสำหรับประเทศชาติของเรา"
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)