ข่าวในประเทศ
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)
1. สศอ. ชูแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายรองรับการทำงานวิถีใหม่ (ที่มา: MGR Online , ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2563)
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) จะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการยุคใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งในอนาคตและสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้จาก 3 อุตสาหกรรมหลักที่ได้รับอานิสงส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์รักษาโรค และอาหาร โดยจะต้องเตรียมศักยภาพแรงงานไทยให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่ ดังนี้ 1. ด้านความต้องการแรงงาน (Demand Side) พัฒนาระบบนิเวศด้านแรงงาน (Labour Ecosystem) เพื่อรองรับการพัฒนาแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เร่งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างองค์ความรู้ใหม่ระหว่างกัน จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมฝีมือแรงงานในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย จัดทำฐานข้อมูลความต้องการด้านแรงงานทั้ง Demand Side และ Supply Side 2. ด้านการผลิตแรงงาน (Supply Side) เพิ่มประสิทธิภาพการศึกษาให้เอื้อต่อการพัฒนากำลังคนในภาคอุตสาหกรรม จัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมแบบเข้มข้นในระยะสั้นเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างกำลังคนในภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมระบบการศึกษาทางไกลผ่านระบบออนไลน์ (E-learning) เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง ส่งเสริมภาพลักษณ์การอาชีวศึกษา เร่งปรับค่านิยม และวางรากฐานทักษะอาชีพให้แก่ผู้เรียนตั้งแต่วัยการศึกษาขั้นพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยยังมีความต้องการแรงงานอยู่อีกมาก ข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงความต้องการแรงงานในช่วง 6 ไตรมาส (ม.ค. 62 – ก.ค. 63) จากโรงงานที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการแล้วแต่ยังไม่ได้แจ้งประกอบกิจการมีความต้องการแรงงานอีกกว่า 141,593 คน โดยอุตสาหกรรมที่มีความต้องการทางด้านแรงงานสูง ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมพลาสติก ประกอบกับความต้องการแรงงานใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมการบิน และ โลจิสติกส์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
2. สั่งพาณิชย์-เกษตร ผนึกดันส่งออก ตลาดเอฟทีเอ (ที่มา: เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2563)
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารสู่ตลาดโลกในเชิงรุก โดยเฉพาะตลาดที่ประเทศไทยมีการทำข้อตกลงเอฟทีเอเพื่อขยับอันดับการแข่งขันของไทยในตลาดโลก ในช่วงที่ตลาดโลกประสบปัญหาวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะประเทศคู่เอฟทีเอได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยเกือบหมดแล้ว ดังนั้นหากช่วยพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ประกอบการเพื่อรักษาคุณภาพสินค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคก็จะทำให้สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยขยายตัวได้ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้จากผลการติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 63 (ม.ค.-พ.ค.) พบว่าการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยไปประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ด้วย 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง มีมูลค่าถึง 11,263 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปตลาดโลก มีคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรก คือ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น ส่งผลให้ไทยขยับการส่งออกสินค้าเกษตรจากลำดับที่ 11 เป็นลำดับ 9 ของโลกแล้ว สำหรับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยที่การส่งออกขยายตัวมากที่สุดช่วง 5 เดือนแรกของปี 63 ได้แก่ เนื้อสุกรสด ขยายตัว 693% รองลงมา ทุเรียนสด ขยายตัว 66.5% เป็นต้น
นางปิยนุช วุฒิสอน
ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
3. ผู้ตรวจราชการ กระทรวงดิจิทัลฯ ลงพื้นที่ หนุนใช้ประโยชย์เน็ตประชารัฐ (ที่มา : กระทรวงดิจิทัลฯ, ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2563)
นางปิยนุช วุฒิสอน ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ประจำปี 2563 ของหน่วยงานในสังกัดในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ในโอกาสนี้ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการดำเนินงาน รวมทั้งปัญหา/อุปสรรคเพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ตรวจราชการฯ ได้เสนอแนะให้หน่วยงานในพื้นที่ สร้างช่องทางในการสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ และส่งเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์กระทรวงฯ อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้มีการประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่น ๆ เพื่อดำเนินภารกิจในพื้นที่/จังหวัด อีกทั้งยังหารือการปฏิบัติงานในภาวะปกติใหม่ (New normal) ด้วย โดยมีผู้แทนจากสำนักงานสถิติจังหวัดพิษณุโลก สถานีอุตุนิยมวิทยาพิษณุโลก ส่วนบริการลูกค้าจังหวัดพิษณุโลก บมจ.ทีโอที สำนักงานบริการลูกค้า กสท. พิษณุโลก ที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดพิษณุโลก และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคเหนือตอนล่าง ร่วมแลกเปลี่ยนเมื่อวันที่ 22 ก.ค.63 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ผู้ตรวจราชการฯ และคณะ ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการดำเนินการของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา ซึ่งเป็นศูนย์ฯ ที่เปิดให้บริการประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้จัดอบรมให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในหลักสูตรต่างๆ และคณะเดินทางติดตามจุดบริการเน็ตประชารัฐ ณ บ้านคลองเมม หมู่ 9 ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม ที่เป็นแหล่งรวมจัดกิจกรรมของชุมชน อาทิ กลุ่มอาชีพทำน้ำพริกทุกสัปดาห์ เป็นสถานที่จัดอบรมของหน่วยงานต่าง ๆ โดยใช้เครือข่ายเน็ตประชารัฐ (จุดบริการฟรีไวไฟ) มีประชาชนทั้งที่เป็นเกษตรกร เด็กนักเรียน และเยาวชนในพื้นที่มาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนและการประกอบอาชีพเป็นประจำ ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการฯ ได้ขอความร่วมมือผู้นำชุมชนซึ่งเป็นเครือข่ายเน็ตอาสาประชารัฐของกระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้คนในชุมชนใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เช่น การเพิ่มช่องทางขายสินค้าชุมชนผ่านออนไลน์ หรือนำสินค้าเผยแพร่ขายผ่าน www. thailandpostmart.com ของ ปณท ฯลฯ ต่อไป
ข่าวต่างประเทศ
4. ทรัมป์ ขู่ปิด สถานกงสุลจีน เพิ่มอีก (ที่มา: เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2563)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2563 ว่าสืบเนื่องจากการที่สหรัฐแจ้งอย่างเป็นทางการไปยังจีน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกี่ยวกับ "ความจำเป็น" ในการต้องปิดสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮิวสตัน ในรัฐเทกซัส "ภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมง" คือภายในวันศุกร์ที่ 24 ก.ค. 2563 นี้ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตันนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันพุธว่า "ยังมีความเป็นไปได้ตลอดเวลา" ที่เขาจะสั่งให้มีการปิดสถานกงสุลของจีนแห่งอื่นในสหรัฐอีก และให้ความเห็นเกี่ยวกับกลุ่มควันหนาทึบซึ่งลอยออกมาจากบริเวณสนามหญ้าภายในสถานกงสุลอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานหลังรัฐบาลวอชิงตันประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลปักกิ่งคงกำลังเผาทำลายเอกสารบางอย่าง"
อย่างไรก็ตาม การเผาทำลายเอกสารและสิ่งของภายในสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุล โดยเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น "ถือเป็นเรื่องปกติ" หากเกิดกรณีที่ทำให้ต้องยุติภารกิจ "อย่างกะทันหัน" ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของรัฐบาลปักกิ่งพยายามจารกรรมข้อมูลสำคัญจากสถานประกอบการขนาดใหญ่หลายแหงในรัฐเทกซัสทั้งของรัฐและเอกชน ซึ่งถือเป็นการคุกคามทรัพย์สินทางปัญญา และข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน เข้าข่ายเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างร้ายแรง อนึ่ง เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีการปิดสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่จีน ที่เมืองฮิวสตัน กระทรวงยุติธรรมในกรุงวอชิงตันประกาศฟ้องร้องดำเนินคดีลับหลังกับพลเมืองจีน 2 คน ฐานพยายามจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับโรค โควิด-19 จากบริษัทยาหลายแห่งของสหรัฐฯ
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)