ข่าวในประเทศ
นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ ลุยดูงานผลิตภัณฑ์พืชกัญชง (ที่มา: เว็บไซต์เดลินิวส์, ประจำวันที่ 1 กันยายน 2563)
นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายทรงศักดิ์ ส่งเสริมอุดมชัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะทำงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชง เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานบริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย – จีน จำกัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพืชกัญชง โดยคณะฯ ได้ร่วมหารือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทักษะ และแนวทางดำเนินงาน จากนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและทีมงานที่มีประสบการณ์สูง จากบริษัท อุตสาหกรรมเครื่องหอมไทย – จีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ผลิตน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติและแม้กระทั่งทุกวันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัททั่วโลก ที่ควบคุมกระบวนการผลิตทั้งหมดตั้งแต่การรวบรวมวัตถุดิบจากพืช การกลั่นน้ำมันหอมระเหย การทำสารสกัดธรรมชาติ รวมถึงสารประกอบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในครัวเรือนและอุตสาหกรรมนับพันทั่วโลก ซึ่งบริษัทได้ดำเนินกิจการมามากกว่า 30 ปี นายสุชาติ ไตรแสงรุจิระ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เล็งเห็นถึงศักยภาพในการนำพืชกัญชง หรือ เฮมพ์ (Hemp) มาสร้างเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย โดยเฉพาะคุณประโยชน์ของสาร CBD ที่มีในพืชกัญชง ซึ่งมีงานวิจัยว่าสารสกัดดังกล่าวมีคุณสมบัติทางการแพทย์หลากหลาย เช่น ลดอาการเจ็บปวด ลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ฯลฯ อีกทั้งบางประเทศในทวีปยุโรปยังมีกระแสความนิยมผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัด CBD จากกัญชง ไม่ว่าจะเป็นสารสกัด น้ำมันนวด สเปรย์อโรมา เครื่องสำอาง รวมถึงอาหารสัตว์ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถซื้อ-ขายได้อย่างถูกกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์ของกัญชงในประเทศไทยปัจจุบัน ส่วนใหญ่ยังคงนำมาใช้ในการผลิตเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอเท่านั้น เนื่องจากมีเส้นใยที่แข็งแรงและคงทน สำหรับการใช้กัญชงในทางแพทย์ เช่น การใช้สารสกัด CBD จากใบ และดอก ยังไม่ได้การยอมรับจากแพทย์สภา แต่ก็ไม่ปิดกั้นการวิจัยซึ่งอาจนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของการใช้ประโยชน์จากกัญชงในอนาคต ทางกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยวิจัย จึงได้ดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องจักรและเครื่องมือในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพืชกัญชง เพื่อเตรียมความพร้อมด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพืชกัญชง และเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากพืชกัญชง หากมีการปลดล็อกพืชกัญชงออกจากยาเสพติดได้ในอนาคต ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่า ในงบประมาณปี 2564 ตั้งเป้าจะวิจัยผลิตภัณฑ์จากพืชกัญชงประมาณ 120 ชนิด เมื่อวิจัยสำเร็จแล้วก็จะถ่ายทอดงานวิจัยให้กับนักธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมผลิตเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศต่อไป
นายกีรติ รัชโน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
2. กระทรวงพาณิชย์ ลุย EEC ขึ้นทะเบียน Self-Cert (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประจำวันที่ 1 กันยายน 2563
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้จัดหน่วยบริการรับขึ้นทะเบียน Self-Certification เคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ นิคมอุตสาหกรรม จำนวน 2 แห่ง คือ 1.นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง ในวันที่ 9 ก.ย.63 และ 2. นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี ในวันที่ 16 ก.ย.63 โดยกรมฯ จะจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการและให้คำปรึกษาแนะนำการขึ้นทะเบียนอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ารับบริการขอให้เตรียมเอกสารในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (PDF File) เพื่อใช้ในการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกที่ได้รับสิทธิรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Certified Exporter) ได้แก่ 1. หนังสือรับรองบริษัท 2. บัตรประจำตัวประชาชน หรือ Passport ของผู้มีอำนาจลงนาม 3. แผนที่แสดงที่ตั้งทำการ 4. แบบแจ้งรายชื่อและตัวอย่างลายมือชื่อ 5.หากเป็นผู้ส่งออกจะต้องให้ผู้ผลิตลงนามรับรองว่าสินค้าผลิตถูกต้อง ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://self-cert.dft.go.th/self-cert/home/login2.aspx และ 6. หากเป็นผู้ผลิตต้องแนบเอกสารเพิ่มเติม คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แผนภาพแสดงกระบวนการผลิตสินค้า และแผนที่ของสถานที่ผลิตและจัดเก็บสินค้า
อย่างไรก็ดี การจัดกิจกรรม RoadShow ครั้งนี้ จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหันมาใช้สิทธิพิเศษทางภาษีโดยการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน (ASEAN Wide Self-Certification: AWSC) และสวิสเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์ (REX System) เพิ่มขึ้น “กรมฯ เล็งเห็นว่าการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง เป็นการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้แทนหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ขอจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการขอลดหย่อนภาษีในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน สวิสเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์อีกด้วย” นายกีรติกล่าวทิ้งท้าย
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท
ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
3. ราคายางพุ่งไม่หยุด คาดทะลุ 60 บาท ใน 1 สัปดาห์ (ที่มา: tnnthailand.com , ประจำวันที่ 1 กันยายน 2563)
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ราคายางปรับตัวสูงขึ้นอีก โดยราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปิดตลาดวานนี้ (31 ส.ค.) สูงสุดอยู่ที่ 58.39บาทต่อกิโลกรัม โดยปรับตัวขึ้นอีก 1.76 บาทจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น้ำยางสด 49 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย 37.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจีนสั่งซื้อปริมาณมาก หลังเริ่มฟื้นฟูประเทศทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมกระเตื้องขึ้น นอกจากนี้ คนจีนยังหันมาใช้รถยนต์ส่วนบุคคลแทนรถโดยสารสาธารณะ เป็นผลให้ล้อยางจำหน่ายเพิ่มขึ้น ล่าสุดยอดการใช้ยางพาราในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าแล้ว นายณกรณ์ กล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งมาจากมาตรการส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดโครงการนำร่องการนำยางพารามาใช้ เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน จังหวัดจันทบุรี สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วม (MOU) ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงคมนาคมรับซื้อยางพาราจากสถาบันเกษตรกรเป็นวัสดุในการปรับปรุง ก่อสร้าง เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำยางพาราในประเทศและสร้างสมดุลราคายางพาราให้เหมาะสม ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
อย่างไรก็ดี สำหรับโครงการนี้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทจะรับซื้อน้ำยางจากเกษตรกร เพื่อผลิตเป็นแผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีต (Rubber Fender Barrier : RFB) เป้าหมายการผลิตตั้งแต่ปี 2563-2565 ระยะทาง 12,282.74 กิโลเมตร งบประมาณ 83,421.602 ล้านบาท และหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP) เป้าหมายการผลิตตั้งแต่ปี 2563-2565 จำนวน? 1,063,651 ต้น งบประมาณ 2,202.172 ล้านบาท ผลจากโครงการนี้จะเพิ่มการใช้น้ำยางสดถึง 1,007,951.344 ตัน คิดเป็นรายได้ที่เกษตรกรได้รับตลอดโครงการ?รวม 30,108.805 ล้านบาท
ข่าวต่างประเทศ
4. จีนปฏิเสธพยายามล้ำเส้นแบ่งพื้นที่พิพาทกับอินเดีย (ที่มา: เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 1 กันยายน 2563)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เกี่ยวกับการที่กองทัพอินเดียกล่าวว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) พยายายามละเมิดแนวเส้นควบคุมตามจริง ( แอลเอซี ) ซึ่งเป็นการแบ่งเขตแดนอย่างไม่เป็นทางการ โดยเป็นไปตามการยอมรับของทั้งสองประเทศ หลังสิ้นสุดสงครามเมื่อปี 2505 บนหุบเขากัลวาน ทางตะวันออกของเขตลาดักห์ ในภูมิภาคแคชเมียร์ของอินเดีย หรือเขตอักไสชิน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน บนเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างคืนวันที่ 29 ต่อเนื่องรุ่งสางวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ อินเดียยืนยันว่า สถานการณ์ไม่บานปลาย เนื่องจากเมื่อทหารอินเดียจำนวนหนึ่งเคลื่อนเข้าไปใกล้แนวเส้นแอลเอซีบริเวณทะเลสาบปางกองหรือฝางกง เป็นเชิงกดดันอีกฝ่ายให้ถอยร่น อย่างไรก็ตาม นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการแถลงประจำวันจันทร์ ว่าเจ้าหน้าที่ของพีแอลเอทุกนายยึดมั่นตามกฎระเบียบและข้อบังคับเมื่ออยู่หลังเส้นแอลโอซี และไม่เคยละเมิดเขตแดน อนึ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังทหารอินเดียและทหารจีนปะทะกันอย่างดุเดือดบนแนวเส้นแอลเอซี เมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทหารอินเดียเสียชีวิตอย่างน้อย 20 นาย ขณะที่จีนปฏิเสธเปิดเผยความสูญเสียของฝ่ายตัวเอง
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)