ข่าวประจำวันที่ 12 ม.ค. 2564

ข่าวในประเทศ

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

1. กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลสำเร็จโครงการส่งเสริม SMEs เข้าสู่ตลาดออนไลน์ (ที่มา: แนวหน้า , ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564)

นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า “สำหรับโครงการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ตลาดออนไลน์ ปีงบประมาณ 2563 จัดขึ้นเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ที่รับสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ พื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้สามารถใช้เทคโนโลยีในการทำตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มรายได้และฟื้นฟูธุรกิจ รองรับการทำธุรกิจในยุคเศรษฐกิจตามวิถี New Normal โดยผลการดำเนินงานสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 30 ราย สามารถสร้างมูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% หรือหากคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 5,570,000 บาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2564 กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จะเร่งขยายผลแนวทางการส่งเสริมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่รับสินเชื่อให้ครอบคลุมทุกราย ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ด้านการสร้างช่องทางการขายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ได้  

อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2564 กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ มีแผนงานในการเร่งขยายผลแนวทางการส่งเสริมให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่รับสินเชื่อให้ครอบคลุมทุกราย ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ด้านการสร้างช่องทางการขายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook กระทรวงอุตสาหกรรม www.facebook.com/industryprmoi/ หรือที่ Website https://ตลาดนัดเอสเอ็มอี.com/

 

นายธวัช เบญจาทิกุล
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.)
กระทรวงแรงงาน

2. กระทรวงแรงงาน เดินหน้าผลิตแรงงานยานยนต์ (ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์ในประเทศ , ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564)

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนากำลังแรงงานเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ซึ่งยังคงมีความต้องการแรงงานฝีมือเป็นจำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน จึงมอบหมายให้กพร. กระทรวงแรงงาน จัดให้มีการฝึกอบรมพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในสาขานี้มากขึ้น พร้อมกับมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี นายธวัช กล่าวต่อไปว่า กพร. มีสถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ ยานยนต์ (AHRDA) เป็น Excellent Training Center ในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในสาขานี้ จึงสั่งการให้สถาบัน AHRDA จัดโปรแกรมการฝึกอบรมทุกเดือน สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จะมีโปรแกรมการฝึกอบรม ดังนี้ (1) ข้อกำหนดและการตรวจติดตามภายใน ISO 9001: 2015 (2) การเขียนแบบเครื่องกล 3 มิติ ด้วยโปรแกรม AutoCAD (3) การใช้โปรแกรม NX for CAD (Free form Modeling) (4) ช่างควบคุมเครื่องกลึง CNC ระดับ 2 (5) งานประกอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ระดับ 2 และ (6) การควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยอินเวอร์เตอร์ ทุกหลักสูตรฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัด 20-25 คน เพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) "ผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเข้าอบรมทุกครั้ง ส่วนสถาบัน AHRDA มีการวัดอุณหภูมิร่างกาย บริการเจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ มีการทำความสะอาดเครื่องมืออุปกรณ์การฝึกเป็นประจำ เพื่อความปลอดภัยจากเชื้อเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dsd.go.th/ahrda และ www.facebook.com/Ahrda Dsd หรือติดต่อสอบถามที่เบอร์โทร 0 2315 3789, 063 328 5885" อธิบดีกพร. กล่าว

 

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก
ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

3. กนอ. ผนึก เอ็กโก กรุ๊ป ตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง (ที่มา: เว็บไซต์ไทยโพสต์ , ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564)

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังการลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานระหว่าง กนอ. และบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโก ระยอง ในพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ 621 ไร่ ว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่ ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี และสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565 โดยคาดว่าเมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 16,840 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่มประมาณ 4,210 อัตรา ซึ่งการพัฒนาโครงการดังกล่าว เอ็กโก กรุ๊ป ได้มีการออกแบบภายใต้แนวคิดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยถือว่าเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว ที่จัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ รอบพื้นที่โครงการฯ และนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพและนำไปใช้ประโยชน์ภายในโครงการ เพื่อลดอัตราการระบายน้ำทิ้งออกนอกพื้นที่ และใช้พลังงานทดแทนด้วย

อย่างไรก็ดี นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่าบริษัทฯได้ มุ่งมั่นขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง นับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนา โดยมีอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักประเภทกลุ่มเอส-เคิร์ฟ ทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ได้แก่ ยานยนต์แห่งอนาคต อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ การแพทย์ครบวงจร และเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ เป็นต้น “โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยองได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่เดิมซึ่งมีความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อน้ำดิบ สายส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น รวมถึงมีศักยภาพด้านทำเลที่ตั้ง ซึ่งมีเครือข่ายเส้นทางคมนาคมที่มีศักยภาพ และอยู่ในบริเวณที่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานของอีอีซีได้ ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน ในขณะเดียวกัน ยังสร้างโอกาสให้บริษัทในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาและแบบลอยน้ำ นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นโอกาสร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่ทำธุรกิจพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งจะเข้ามาลงทุนในนิคมฯ ในอนาคตด้วย เช่น โรงงานผลิตแบตเตอรี่หรือระบบกักเก็บพลังงาน รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ ในพื้นที่โครงการ เป็นต้น”นายเทพรัตน์ กล่าว

 

ข่าวต่างประเทศ

4. ลงมติเข้าชื่อถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์ (ที่มา: เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 12 มกราคม 2564)

เมื่อวันที่ 10 มกราคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ว่า นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ ขอให้สมาชิกทั้ง 435 คน เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียงกันตลอดสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะมีการพิจารณาและลงมติต่อบทบัญญัติสำคัญ ว่าด้วยการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ภายในวันอังคารที่ 12 มกราคม สืบเนื่องจากเหตุจลาจล ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติข้อแรกที่เปโลซียืนยันว่า จะมีการอภิปรายและลงมติ "ไม่เกินวันอังคารที่ 12 มกราคม" คือการเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามบทบัญญัติจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐ ครั้งที่ 25 เพื่อยึดอำนาจบริหารจากผู้นำสหรัฐ ซึ่งไม่อยู่ในสถานะที่จะสามารถบริหารประเทศได้อีก และขอให้เพนซ์ "ตอบกลับ" ภายใน 24 ชั่วโมง แล้วหลังจากนั้น สภาผู้แทนราษฎรจะเดินหน้าบทบัญญัติเกี่ยวกับการถอดถอนทรัมป์ต่อไป

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)