ข่าวในประเทศ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. “สุริยะ” ปลื้มสถิติการเกิดอุบัติเหตุในโรงงานปี 63 ลดลง 15.6% (ที่มา: thaigov.go.th , ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2564)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในโรงงานประจำปี 2563 (มกราคม-ธันวาคม 2563) มีโรงงานที่เกิดอุบัติเหตุ จำนวน 54 ครั้ง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.6 ที่มีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น จำนวน 64 ครั้ง ซึ่งตัวเลขที่ลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโรงงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ที่ได้มีการกำกับดูแล และรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้ประกอบการในการให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยและระมัดระวังในการประกอบกิจการ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุภายในโรงงาน การเกิดอัคคีภัยยังคงครองแชมป์อันดับ 1 มีจำนวน 42 ครั้ง รองลงมา คือ สารเคมีรั่วไหล 1 ครั้ง การระเบิด 2 ครั้ง อุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องจักร 3 ครั้ง และจากสาเหตุอื่นๆ อีก 6 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม ด้านนายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า จากสถิติตัวเลขของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ปัญหาการเกิดอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการโรงงาน ยังคงเป็นตัวเลขที่สูงกว่าสาเหตุในด้านอื่นๆ เห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นหลายครั้ง โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดการบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องจักร และ/หรือขาดการจัดทำแผนการตรวจสอบบำรุงดูแลรักษาเครื่องจักร รวมทั้งขาดความเชี่ยวชาญหรือความรู้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดเหตุอัคคีภัย กรอ. ได้แจ้งเตือนโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ให้เพิ่มความระมัดระวังด้านความปลอดภัยตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกำชับให้ผู้ประกอบการโรงงานปฏิบัติตามขั้นตอนเช็คความปลอดภัยการป้องกันอัคคีภัยในโรงงาน โดย กรอ. ได้จัดทำแบบตรวจสอบและประเมินตนเองด้านอัคคีภัย (Self Checklist) และร่วมมือกับอุตสาหกรรมจังหวัดตรวจสอบประเมินให้คำแนะนำแก่โรงงานที่มีความเสี่ยงในพื้นที่จังหวัดของตนเอง ทั้งนี้ได้จัดทำ“ข้อปฏิบัติการป้องกันอัคคีภัยช่วงหน้าร้อน” และ “ข้อควรระวังในการใช้ระบบความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น” และคู่มือเอกสารความปลอดภัยต่างๆ เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ กรอ. (www.diw.go.th) พร้อมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่วิศวกรลงพื้นที่ตรวจสอบ ถ่ายทอด ให้คำแนะนำด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ประกอบการอีกด้วย
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
2. กระทรวงอุตสาหกรรม คิกออฟโครงการจิตอาสารักษ์แม่น้ำปี 64 ที่เมืองปากน้ำ (ที่มา: thaigov.go.th , ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2564)
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเปิดกิจกรรมจิตอาสา “พัฒนาคลองสวยน้ำใส ชวน 1 ชุมชนใช้ถังดักไขมัน” ณ ชุมชนคลองคอต่อ จังหวัดสมุทรปราการ ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้น้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการพัฒนาคูคลองและแม่น้ำให้กลับมาสะอาดและสวยงาม โดยได้เข้มงวดกำกับดูแลและเฝ้าระวังโรงงานทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงงานที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำ จำนวน 1,200 โรงให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ส่วนโรงงานขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำทิ้งมากกว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งมีประมาณ 300 โรงได้มีการติดตั้งระบบตรวจวัดคุณภาพน้ำแบบอัตโนมัติ เพื่อติดตามได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากความเชี่ยวชาญด้านการตรวจกำกับดูแลโรงงาน การพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และมีเครือข่ายผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน จึงมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมช่วยป้องกัน กำกับดูแล และแก้ไขปัญหาน้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนก่อนระบายลงสู่คูคลองและแม่น้ำ ซึ่งในปี พ.ศ. 2564 กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการในพื้นที่ นำร่อง 10 คูคลอง 10 ลุ่มน้ำสายหลัก ภายใต้ “โครงการจิตอาสารักษ์แม่น้ำ”
อย่างไรก็ดี ด้านนางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสากระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเลือกชุมชนคลองคอต่อเข้าสู่การพัฒนาเป็น 1 ใน 20 คลอง/แม่น้ำ เนื่องจากเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า บ้าน วัด โรงเรียนอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน รวมทั้งมีผู้นำที่เข้มแข็ง และคลองคอต่อมีการระบายน้ำออกสู่ทะเล โดยกระทรวงฯ จะเข้ามาดำเนินการ ระยะแรกทำทันที โดยติดตั้งถังดักไขมัน จำนวน 200 ใบ ให้กับครัวเรือน ร้านค้า และโรงเรียน เพื่อลดการปล่อยน้ำเสียและแก้ไขปัญหาท่อน้ำอุดตัน และได้หารือกับผู้ประกอบการจิตอาสาในพื้นที่สมุทรปราการ ที่จะติดตั้งตาข่ายดักขยะ เพื่อป้องกันขยะจากคลองอื่นไหลมายังคลองคอต่อ ระยะที่สอง-กรกฎาคม 2564 จะต่อยอดนำไขมัน เศษอาหาร ขยะอินทรีย์จากถังดักไขมันไปใช้ประโยชน์ โดยตั้งจุดรวม (Drop Point) และขนส่งไปยังศูนย์การเรียนรู้การจัดการขยะครบวงจร ณ วัดจากแดง ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่เป็นผู้สนับสนุนโครงการ เพื่อเข้าสู่การบำบัดอย่างถูกต้องและการสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการให้ความรู้พัฒนาชุมชนคลองคอต่อ เพื่อนำร่องในการจัดการขยะอินทรีย์และขยะพลาสติก เพื่อให้เป็น “BCG บางปูโมเดล” ซึ่ง GC จะประสานงานกับชุมชน รวมทั้งดำเนินการติดตั้งเครื่องเติมอากาศในน้ำ
นายกีรติ รัชโน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
3. “จีน สิงคโปร์ เวียดนาม” ซื้อขายไม่อั้น ดันค้าชายแดนไทยพุ่ง (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2564)
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย เดือน มกราคม 64 ว่า มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 128,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.90% เทียบกับเดือน มกราคม 63 แบ่งเป็นการส่งออก 74,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.91% และการนำเข้า 54,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.02% โดยไทยยังคงได้ดุลการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างต่อเนื่อง 19,801 ล้านบาท ทั้งนี้ ในมูลค่าการค้ารวม 128,849 ล้านบาท เมื่อแยกเป็นการค้าชายแดนกับเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย เมียนมา ลาว และกัมพูชา มีมูลค่า 72,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.81% ขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนที่ 2 นับจากเดือน ธันวาคม 63 และสูงสุดในรอบ 27 เดือน นับจากเดือน พฤศจิกายน 2561 โดยมาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับ 1 มีมูลค่าการค้ารวม 26,736 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.65% รองลงมาคือ ลาว 16,771 ล้านบาท ลดลง 8.13% เมียนมา 13,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.90% และกัมพูชา 15,063 ล้านบาท ลดลง 3.90% สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ และรถยนต์นั่ง, เมียนมา ได้แก่ เครื่องเทศและสมุนไพร รถ จักรยานยนต์ และปูนซิเมนต์ และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รถยนต์นั่ง และรถจักรยานยนต์ ส่วนมูลค่าการค้าผ่านแดนไทยไปยังจีนตอนใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ รวม 56,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.69% โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 มีมูลค่าการค้ารวม 22,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.91% รองลงมาคือ สิงคโปร์ 8,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.99%, เวียดนาม 5,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.45% และประเทศอื่นๆ 19,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.44% สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปจีน ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลำไยแห้ง และยางพารา, สิงคโปร์ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม ได้แก่ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด
อย่างไรก็ตาม นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา กล่าวว่า ขณะนี้นักธุรกิจของไทยที่ทำการค้ากับเมียนมาได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงในเมียนมา ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว และกระจายไปยังเมืองใหญ่หลายเมือง ประชาชนหยุดงานเพื่อไปประท้วง ทำให้ร้านรวงต่างๆต้องปิดลง เซลส์แมนของแต่ละบริษัทของไทย ไม่สามารถออกไปขายสินค้าได้เลย หรือถ้าออกไปขายได้ ก็ได้แค่วันละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งยังไม่คุ้มกับค่าน้ำมันรถ ขณะที่รายจ่ายยังมีเหมือนเดิม โดยเฉพาะค่าจ้างพนักงาน แม้ต้องการพักการจ้างงานชั่วคราว แต่ก็ทำไม่ได้ ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือรอดูสถานการณ์ และประคับประคองการจ้างงานไปก่อน
ข่าวต่างประเทศ
4. เกาหลีเหนือยังไม่ตอบกลับการติดต่อจากรัฐบาลไบเดน (ที่มา: เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2564)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน พยายามใช้ "ทุกช่องทางการทูตที่เป็นไปได้" รวมถึงสำนักงานคณะผู้แทนถาวรของเกาหลีเหนือประจำสหประชาชาชาติ (UN) ที่นครนิวยอร์ก เพื่อประสานงานกับรัฐบาลเปียงยาง ในการติดต่อกับนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ตั้งแต่กลางเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังไม่เคยได้รับการตอบสนองในรูปแบบใดจากอีกฝ่าย ทั้งนี้ แหล่งข่าวให้ข้อมูลด้วยว่า จากผลการตรวจสอบประวัติการติดต่อสื่อสารย้อนหลังระหว่างทั้งสองประเทศ บ่งชี้ว่า รัฐบาลอวอชิงตันกับรัฐบาลเปียงยางไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่า 1 ปีแล้ว หมายความว่าตั้งแต่ปีสุดท้ายในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำสหรัฐในตำแหน่งคนแรก ที่พบกับผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และพล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ เยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญของการหารือ รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายเรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน และนายหยาง เจียฉือ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์กลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีกำหนดเดินทางมายังเมืองแองคอราจของรัฐอะแลสกา ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ เพื่อพบหารือกับบลิงเคน และนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติด้วย โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา สหรัฐกล่าวหาจีนคอยช่วยเกาหลีเหนือให้ "เอาตัวรอด" จากมาตรการคว่ำบาตร
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)