ข่าวในประเทศ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. สุริยะ สั่ง กรอ. คุมเข้มโรงงาน ป้องกันปัญหามลพิษกระทบชุมชน (ที่มา: แนวหน้า , ประจำวันที่ 5 พฤษภาคม 2564)
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการจัดการมลพิษจากการประกอบกิจการในโรงงานอุตสาหกรรม ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนรอบข้างจากมลพิษอากาศหรือปัญหากลิ่นที่เกิดจากกระบวนการผลิตของโรงงาน ซึ่งการแก้ไขปัญหาเหล่านี้จึงต้องปรับปรุงทั้งทางด้านเทคนิคด้วยการสร้างอุปกรณ์บำบัดมลพิษให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามหลักวิชาการ โดยในปี 2564 กระทรวงได้จัดสรรงบประมาณให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ไปจัดการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและทางน้ำ
อย่างไรก็ดี นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารบนระบบสมาร์ทโฟนมีการใช้งานกันแพร่หลาย อีกทั้งมีความสามารถในการแสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ กรอ.จึงมีแนวคิดพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่นเพื่อสื่อสารแสดงข้อมูลด้านการระบายมลพิษของโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ โดยประชาชนสามารถรับทราบข้อมูลสถานการณ์การระบายมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจุบัน เสริมสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง ติดตาม รับทราบการระบายมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมตลอดเวลา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาการวางระบบแอปพลิเคชั่นนี้ เพื่อครอบคลุมโรงงานอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประมาณ 7,000 โรงงาน คาดว่าจะเปิดตัวและใช้งานได้ภายในปี 2564 “ระบบจะช่วยในการตรวจกำกับดูแลการระบายมลพิษโรงงานเชิงพื้นที่ สามารถทำการสืบค้นข้อมูลรายโรงงานในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำกับดูแลย้อนหลังได้จากระบบฐานข้อมูลมลพิษโรงงานของ กรอ. โดยระบบจะเชื่อมต่อเข้ากับระบบเตือนภัยมลพิษโรงงานหลักของกรอ. ในการประเมินผลข้อมูลเชิงพื้นที่ เชิงประเภทการประกอบกิจการ และสภาพความสกปรกหรือระดับปริมาณการปนเปื้อนมลพิษในสิ่งแวดล้อมด้วย” นายประกอบกล่าว
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
2. ทุเรียนของไทยยังได้รับความนิยมสูงสุด จีน-ฮ่องกง-ญวน แชมป์เปิบทุเรียนไทย (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 5 พฤษภาคม 2564)
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามการส่งออกทุเรียนไทยในไตรมาสแรก (มกราคม - มีนาคม) ปี 2564 พบว่า ทุเรียนไทยยังคงเนื้อหอมและได้รับความนิยมสูงสุด ส่งผลให้ไทยยังคงครองแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนเป็นอันดับที่ 1 ของโลกและครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในจีน โดยมูลค่าส่งออกไปจีนอยู่ที่ 186ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2563 คิดเป็นสัดส่วน 88% ของการส่งออกทุเรียนสดของไทยไปโลก ตามด้วยฮ่องกง (HK) 14 ล้านเหรียญฯ ลดลง 61.16% สัดส่วน 6.76% และเวียดนาม 10 ล้านเหรียญฯ ลดลง 79.17% สัดส่วน 4.86% แม้มูลค่าส่งออกทุเรียนไตรมาสแรกปี 2564 ไปประเทศคู่ FTA ทำได้เพียง 211.32 ล้านเหรียญฯ ลดลง 15.75% และส่งออกไปตลาดโลก 211.98 ล้านเหรียญฯ ลดลง 16.04%
อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกทุเรียนสดของไทยไปจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นปีแรกที่จีนเริ่มยกเว้นภาษีนำเข้าทุเรียนสดให้ไทยภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-จีน ที่ทำให้ทุเรียนไทยมีศักยภาพด้านการแข่งขันมากขึ้น โดยปี 2545 ก่อนการบังคับใช้ FTA อาเซียน-จีน ไทยส่งออกทุเรียนสดไปจีน เพียง 30,000 ล้านเหรียญฯ แต่ปี 2546 เพิ่มขึ้นเป็น 1.90 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 6,233.33% จากปี 2545 และมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี“จะเห็นได้ว่า FTA ช่วยขจัดอุปสรรคทางภาษี โดยปัจจุบันทุเรียนสดของไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศคู่ FTA เหลือเพียงเกาหลีใต้ที่ยังเก็บอยู่ที่ 36% แต่ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ที่ลงนามเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2563 ไทยสามารถเจรจาให้เกาหลีใต้ลดภาษีนำเข้าทุเรียนสดได้ โดยจะทยอยลดภาษีจนเหลือ 0% ในปีที่ 10 หลัง RCEP มีผลใช้บังคับ”
นายวันชัย พนมชัย
เลขาธิการ
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
3. สมอ. ลุยออกมาตรฐาน "กัญชง" รับตลาดบูม ภาคอุตสาหกรรมแย่ง วัตถุดิบ (ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ , ประจำวันที่ 5 พฤษภาคม 2564)
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สมอ. ได้ดำเนินการจัดทำมาตรฐานในชุดของกัญชง เพิ่มอีก 3 มาตรฐาน ประกอบด้วย 1.) เปลือกกัญชง (มอก.3184-2564), 2.) แกนกัญชง (มอก.3185-2564) และ 3.) เส้นใยกัญชง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยคาดว่าจะประกาศใช้ได้เดือนพฤษภาคม 2564 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรฐานวัตถุดิบ ที่เรียกว่า intermediate raw material ซึ่งจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร เครื่องสำอาง และสิ่งทอ โดยข้อกำหนดสำคัญของมาตรฐาน มอก. จะมีการควบคุมปริมาณสารเคมี ควบคุมคุณภาพทั้งด้านขนาด ความสะอาด ควบคุมสารปนเปื้อนและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ จะต้องไม่เกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด ซึ่งจะทำให้สมุนไพรวัตถุดิบนั้นมีคุณภาพเหมาะสมที่จะนำไปแปรรูปเป็นสินค้าที่มีคุณภาพได้ต่อไป ส่วนมาตรฐานเกี่ยวกับพืชกัญชานั้น สมอ. กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษา เพื่อหาแนวทางการกำหนดมาตรฐานที่เหมาะสมต่อไป โดยจะต้องไปมองให้ละเอียดรอบครอบไปถึงประโยชน์ และโทษที่จะเกิดขึ้นจากการนำไปมาใช้ หรือบริโภค เพราะเชื่อว่าในอนาคตภาครัฐเองก็จะดำเนินการปลดล็อกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้กัญชาได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการที่ต้องการนำไปใช้กับธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม นายวันชัย กล่าวอีกว่า ล่าสุด สมอ. ได้รับอนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อดำเนินการเรื่องมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส หรือ มอก.เอส โดย สมอ. จะนำงบดังกล่าวมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการยื่นขอ มอก.เอส โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการมักจะพะวงเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก สำหรับปัญหาที่ผ่านมาซึ่งทำให้ผู้ประกอบการไม่มายื่นขอ มอก.เอส เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) ซึ่งถือว่าเป็นระดับรากหญ้า ทำให้อาจจะไม่เข้าใจเรื่องความสำคัญของการได้รับการรับรองมาตรฐาน อีกทั้งต้องยอมรับความจริงด้วยว่าอาจจะเกรงกลัวกับระบบราชการตามแนวความคิดเดิม เพราะไม่ต้องการให้เกิดความยุ่งยาก ทั้งนี้ นายวันชัย กล่าวอีกว่า สมอ. ให้การรับรอง มอก. ปกติตั้งแต่เริ่มต้นปีงบประมาณจนถึงปัจจุบันแล้วประมาณ 270 รายการ จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 300 รายการ เนื่องจากมีการเร่งรัดออก มอก. ตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องพืชสมุนไพร เช่น กระชายดำ ฟ้าทลายโจร เป็นต้น รวมถึงอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) แบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่ง สมอ. ยึดแนวทางมาจากต่างประเทศ ทำให้สามารถออกประกาศรับรอง มอก. ได้อย่างรวดเร็ว
ข่าวต่างประเทศ
4. ไบเดน หวังประชุมทวิภาคีกับปูตินระหว่างเดินทางเยือนยุโรป มิถุนายนนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ , ประจำวันที่ 5 พฤษภาคม 2564)
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความหวังว่า จะได้ประชุมกันประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในระหว่างการเดินทางเยือนยุโรปในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับแต่เข้ารับตำแหน่ง ปธน. อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา "นั่นคือความหวังและคาดหวังของผม เรากำลังดำเนินการอยู่" ปธน. ไบเดนตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่ามีแผนจะพบปธน.ปูตินระหว่างเดินทางเยือนยุโรปหรือไม่ ทั้งนี้ ปธน. ไบเดนจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ที่เมืองคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ ในระหว่างวันที่ 11-13 มิถุนายน และจะมีการประชุมทวิภาคีระหว่างผู้นำกลุ่ม G7 ด้วย จากนั้น ปธน. ไบเดนจะเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ (NATO) ในวันที่ 14 มิถุนายน โดย ปธน. ไบเดน ได้เสนอให้มีการประชุมสุดยอดกับ ปธน. ปูติน ในยุโรปในช่วงฤดูร้อนนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ ขณะที่สื่อสหรัฐรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังตัดสินใจเรื่องรายละเอียดการประชุมดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้นเป็นปรปักษ์กันในช่วงหลายปีหลัง โดยขัดแย้งกันในเรื่องยูเครนและความมั่นคงทางไซเบอร์ และต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายแทรกแซงการเมืองในประเทศตน
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) |