ข่าวในประเทศ
นายประกอบ วิวิธจินดา
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม
1. กรอ. คว้ารางวัล “เลิศรัฐ” ระดับดีเด่น ประจำปี 2564 มุ่งสู่ Industry 4.0 (ที่มา: MGR Online , ประจำวันที่ 17 กันยายน 2564)
นายประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กรอ. เคยได้คะแนนประเมินด้านคุณธรรมโปร่งใส เป็นอันดับหนึ่งของกระทรวงอุตสาหกรรมมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรไปสู่ Smart Government อย่างต่อเนื่อง จึงนำมาซึ่งการได้รับรางวัลเลิศรัฐ ระดับดีเด่น ในปีนี้ “กรอ. ยังคงเดินหน้าพัฒนากระบวนการทำงาน เพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ และประชาชน เราได้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยกำหนดขนาดของโรงงานใหม่ เพื่อช่วยลดภาระของผู้ประกอบกิจการขนาดเล็ก ตลอดจนยกเลิกการต่ออายุใบอนุญาตโรงงาน (ร.ง.4) กระบวนงานที่ดำเนินการโดย กรอ. มีการปรับลดระยะเวลาการดำเนินการลง เพื่อความรวดเร็ว มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการดำเนินงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งช่วยลดภาระค่าเดินทางและการจัดเตรียมเอกสารลงได้เป็นอย่างมาก ในส่วนของพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายและพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร มีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ปรับลดระยะเวลาในการดำเนินงาน ปรับปรุงกระบวนงานให้ง่ายต่อการดำเนินการของผู้ประกอบการ” นายประกอบฯ กล่าว
อย่างไรก็ดี กรอ. รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 16 กันยายน ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธานในการมอบรางวัล “กรอ. มีความมุ่งหวังในการพัฒนาการบริการ อำนวยความสะดวก เพื่อจะเป็นกำลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนธุรกิจอุตสาหกรรม ให้ทันสมัย ก้าวไกล ยั่งยืน ต่อไป” อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าวปิดท้าย
นายกีรติ รัชโน
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
2. ปลื้ม “ส่งออก” FAT-GSP พุ่ง (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 17 กันยายน 2564)
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ช่วง 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม) ปี 2564 ไทยใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) และระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) รวมมูลค่า 46,394.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 36.23% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แบ่งเป็นภายใต้ FTA 44,178.04 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 36.30% GSP 2,216.32 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 34.98% ขณะที่เดือนกรกฎาคม 2564 ใช้สิทธิรวม 6,206.26 ล้านเหรียญฯ เป็น FTA 5,904.78 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 35.87% GSP 301.48 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 30%
อย่างไรก็ดี สำหรับการใช้สิทธิ GSP 4 ระบบ คือ สหรัฐฯ, รัสเซียและเครือรัฐเอกราช, สวิตเซอร์แลนด์ และนอร์เวย์นั้น ใช้สิทธิส่งออกไปสหรัฐฯมากสุด 1,973.21 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 43.16% ตามด้วยสวิตเซอร์แลนด์ 153.91 ล้านเหรียญฯ ลด 9.56% รัสเซีย 79.83 ล้านเหรียญฯ ลด 5.68% และนอร์เวย์ 9.37 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 6.40% สินค้าที่ใช้สิทธิสูง เช่น มะพร้าวปรุงแต่ง ซอสปรุงรส, น้ำ/เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารปรุงแต่ง สับปะรดกระป๋อง เป็นต้น ส่วน FTA 13 ฉบับ กับ 18 ประเทศนั้น การใช้สิทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกในภาพรวมของไทย เช่น ไทย-เปรู เพิ่ม 132.51%, อาเซียน-อินเดีย เพิ่ม 55.72%, อาเซียน เพิ่ม 42.70%, อาเซียน-จีน เพิ่ม 32.47% เป็นต้น สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง เช่น เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ ทำหรือชุบด้วยเงิน, เครื่องปรับอากาศ, ผลไม้สด ทั้งทุเรียนสด ฝรั่ง มะม่วง มังคุด, ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง, เครื่องซักผ้า, ถุงมือยาง เป็นต้น ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับมณฑลไห่หนาน ประเทศจีน หรือ “มินิ เอฟทีเอ” กระทรวงมีแผนจะจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจทางออนไลน์ในช่วงปลายปี 2564 รวมถึงส่งสินค้าตัวอย่างไปแสดงในงานแสดงสินค้าที่จีน
นายวีริศ อัมระปาล
ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
3. กนอ. ร่วมถก บกปภ.ช. หามาตรการป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล (ที่มา: MGR Online , ประจำวันที่ 17 กันยายน 2564)
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตาม และเตรียมการป้องกัน แก้ปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ณ ห้องประชุมราชสีห์ กระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมาว่า กนอ. ได้รับมอบหมายให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงมรสุมที่ต้องประเมินศักยภาพในการรับมือและแก้ปัญหา หากมีพื้นที่ใดที่มีปัญหา ต้องการรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้รีบประสานสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานจังหวัดเป็นหลัก เพื่อติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม รับผิดชอบการบริหารสูบน้ำออกจากพื้นที่ตนเอง ส่วนรอบนอกให้กรมชลประทานกับ สทนช.ดำเนินการทั้งนี้ ในการประชุมยังประกอบด้วยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น โดยที่ประชุมเน้นย้ำให้หน่วยงานภาครัฐต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการเตรียมการรับมือ โดยเฉพาะหากมีมรสุมต้องเตรียมการรับมืออย่างไรให้รีบสื่อสารให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจ ไม่ตื่นตระหนก และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุด กนอ. ได้ทำหนังสือถึงกรมชลประทานเพื่อขอการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 31 ชุด ความสามารถในการสูบน้ำรวม 71,000 ลบ.ม./ชั่วโมง เพื่อติดตั้งในนิคมฯ ที่มีความเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม “นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นแหล่งผลิตสินค้าภายในประเทศและสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูง แต่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอย่างจำกัด เมื่อสภาพเหตุการณ์มีความรุนแรงสูงเกินกว่าที่ได้วางแผนไว้ก็จะมีปัญหาทางเศรษฐกิจ เช่น ฝนที่ตกในนิคมอุตสาหกรรมบางปู เมื่อวันที่ 28-29 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดน้ำท่วมขัง 3 วัน ทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 1,000 ล้านบาท กนอ. จึงมีการปรับแผนบริหารความเสี่ยงและดำเนินการป้องกันเร่งด่วน เช่น การตั้งกำแพงกั้นน้ำชั่วคราวในบางพื้นที่ การทำความสะอาดคูคลอง และคอยเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่” ผู้ว่าการ กนอ. กล่าว
ข่าวต่างประเทศ
4. จีนเผยยอด FDI พุ่งขึ้น 22.3% ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ , ประจำวันที่ 17 กันยายน 2564)
กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้าสู่จีนในช่วง 8 เดือนแรก พุ่งขึ้น 22.3% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 7.5805 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.1378 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ยอด FDI ในอุตสาหกรรมด้านการบริการของจีนช่วง 8 เดือนแรกอยู่ที่ 5.9933 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอด FDI ในอุตสาหกรรมไฮเทค พุ่งขึ้น 35.2% ส่วนยอด FDI จากกลุ่มประเทศในแถบ Belt and Road มีการขยายตัว 37.6% และยอด FDI จากกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น 36.8% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564
อย่างไรก็ตาม ชู จูถิง โฆษกหญิงของกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า วิสาหกิจที่ลงทุนโดยต่างชาติมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในแผนการพัฒนาใหม่ของจีน ขณะเดียวกัน บริษัทต่างประเทศที่ลงทุนในจีนได้นำเทคโนโลยีชั้นสูง ความเชี่ยวชาญด้านการจัดการ และเครือข่ายการตลาดทั่วโลกมาสู่จีนด้วย โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนต้องการผลักดันการเปิดกว้างในระดับสูงขึ้น, ขยายการเข้าถึงตลาดให้กว้างขึ้น, ผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และมีส่วนร่วมในการสร้างกฎระเบียบด้านการลงทุนระหว่างประเทศที่มีมาตรฐานสูง
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)