ข่าวประจำวันที่ 19 ต.ค. 2564

ข่าวในประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

1. โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เป็นห่วง เตือนประชาชน ระวังภัยฉ้อโกงออนไลน์ (ที่มา: สำนักข่าวไทย , ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2564)

นายธนกร วังบุญคงชนะ -โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงประชาชน หลังมีปรากฏมีประชาชนร้องเรียนว่าถูกหักเงินจากบัญชีธนาคาร บัญชีบัตรเครดิต หรือบัญชีบัตรเดบิต อย่างผิดปกติจำนวนมาก อย่างไม่ทราบที่มา ซึ่งแบงก์ชาติ สมาคมธนาคาร, DES, ตช. พร้อมรับบัญชานายกรัฐมนตรี แก้ไขโดยด่วน ได้เร่งสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโดยด่วน ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่ เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่และ ไม่ใช่แอปฯ ดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติแล้ว ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ตรวจสอบระบบความมั่นคงปลอดภัยของธนาคารยังแข็งแรง โดยระบบของทุกธนาคารยังมีความมั่นคงปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกบุกรุกหรือโจมตีระบบจากแฮกเกอร์ และได้ประสานงานผ่านธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ธนาคารดูแลการทำระบบให้รัดกุมยิ่งขึ้น ในส่วนที่เป็นระบบการชำระเงินกับร้านค้า และทำให้มีมาตรฐานมากขึ้น ไม่ให้มีการตัดบัญชีกันได้โดยง่าย และ ขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมยกร่าง ร่าง พรฎ. ว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ โดยแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีการทำธุรกิจออนไลน์ มีการซื้อขาย มีการโอนเงิน ต้องมาจดแจ้งการประกอบธุรกิจกับภาครัฐและมีการยืนยันตัวตน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้เร่งสั่งการทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม ปราบปราม ภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมขยายผลถึงเครือข่ายของผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งได้ประสาน กสทช. และผู้ประกอบการทุกเครือข่าย กวดขันการส่งข้อความสั้น sms ปล่อยเงินกู้ / ชวนเล่นพนันด้วย อีกทั้ง โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฝากเตือนภัย ปัจจุบัน รูปแบบของมิจฉาชีพในออนไลน์เปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้น ขอให้ประชาชนต้องระมัดระวัง และตรวจสอบ การใช้จ่าย ผ่านระบบออนไลน์ให้ดี หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ หากพบปัญหาโปรดแจ้ง ธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

 

2. สุพัฒนพงษ์" เผยเคลียร์ "ส.ขนส่งทางบกไทย" แล้ว ยันตรึงดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท (ที่มา: มติชน , ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2564)

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์กรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกไทย เตรียมนำรถบรรทุก 1 พันคัน วิ่งบนถนนหลวงทั่วประเทศหลังไม่ได้รับความสนใจจากกระทรวงพลังงาน กรณีขอตรึงกำลังน้ำมันดีเซล ให้เหลือลิตรละ 25 บาท หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มมาอยู่ที่ลิตรและ 28-29 บาทในปัจจุบัน ว่า ได้พูดคุยกันแล้วและขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายแต่ทางสหพันธ์ฯ เขาต้องการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์แต่อยู่ภายใต้ของกรอบและกฎหมาย แต่คงไม่ได้นำรถบรรทุกเข้ามาในเมือง คาดว่าจะอยู่ในเขตปริมณฑลเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงพลังงานเข้าใจปัญหาทั้งหมด ขณะนี้สิ่งที่ทำได้ตามนโยบายของคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ คือการตึงราคาประมาณ 30 บาทต่อลิตร ตามแผนวิกฤตที่จะบริหารจัดการ แต่ผู้ประกอบการต้องการให้ลดลงมากกว่านั้น ซึ่งเราก็เข้าใจทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในส่วนราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งดีเซลหมุนเร็วเราพยายามจะไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทเนื่องจากเป็นน้ำมันที่ภาคประชาชนใช้มากที่สุด ซึ่งจากการพูดคุยกับบรรดาผู้ประกอบการ เขาก็ยืนยันว่าไม่อยากผลักดันไปจนถึงขั้นต้องปรับอันตราค่าบริการ ขณะเดียวกัน ปัจจุบันอยู่ในช่วงการฟื้นเศรษฐกิจหลังภาวะวิกฤตโควิด-19 จึงอยากให้รัฐบาลไปช่วยดูแลและตรึงราคาน้ำมันให้มากกว่านี้ ซึ่งการพูดคุยเป็นไปได้ดี และในวันนี้ (19 ตุลาคม) ตนจะสรุปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และดูแล้วคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 4 เป็นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า อยู่ในแผนอยู่แล้ว ที่จะพิจารณาในการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 อันนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังและสภาพัฒน์ไปพูดคุยกัน ส่วนจากกระตุ้นไตรมาสนี้เลยหรือไม่ก็ต้องดูระยะเวลาและสภาวะต่างๆ แต่ก็พยามที่จะดูแลใกล้ชิดเนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของการฟื้นฟูแก้ไขเยียวยา อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะกู้เพิ่มเร็วๆนี้ เพราะเงินยังเหลืออยู่และดูแล้วแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น        

 

นายปิติ ดิษยทัต
ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

 

3. พบโครงการรัฐยังมีประสิทธิภาพต่ำ ใช้จ่ายไม่ถึงเป้า (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2564)

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการประชุมนักวิเคราะห์ ครั้งที่ 3/2564 ว่า จากการประเมินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และ ธปท.พบว่าเศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยจะขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ต่อเนื่องปีหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงกว่าศักยภาพของเศรษฐกิจไทย จากการใช้จ่ายในประเทศที่ดีขึ้น หลังการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการระบาดของโควิด-19 จำนวนนักท่องเที่ยวที่ทยอยเพิ่มขึ้น และการส่งออกที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนอัตราเงินเฟ้อ กลับเข้าสู่ขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อและจะสูงขึ้นในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเหมือนต่างประเทศ โดยยังจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และใช้นโยบายดอกเบี้ยผ่อนคลายต่อเนื่อง เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น และยังมีความเสี่ยงด้านต่ำอยู่ แม้หลายประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อรองรับเงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ด้าน นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารและการสื่อสารองค์กร กล่าวว่า ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ของ ธปท. ล่าสุดเดือนกันยายน คาดขยายตัว 0.7% และเพิ่มขึ้น 3.9% ในปี 2565 โดยเหตุที่ยังไม่ปรับขึ้นประมาณการ แม้ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายเรื่องที่ต้องติดตาม ทั้งการระบาดและการกลายพันธุ์ของไวรัส มาตรการควบคุมการระบาด การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยแม้ปัจจัยเหล่านี้จะเริ่มทยอยดีขึ้น แต่ตลาดแรงงานยังเปราะบาง คาดว่า สิ้นปี 2564 จะมีผู้ว่างงานและเสมือนว่างงานรวม 3.4 ล้านคน นอกจากนี้ ยังต้องติดตามคือความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนจากมาตรการรัฐ เพราะมีส่วนสำคัญพยุงเศรษฐกิจระยะข้างหน้าและการกระตุ้นการท่องเที่ยวไตรมาส 4 ได้แก่ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย โดยต้องติดตามประสิทธิภาพอัตราการใช้จ่ายแต่ละมาตรการเทียบกับเป้ามูลค่าการใช้จ่ายของโครงการว่าดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งพบว่ายังอยู่ในระดับต่ำ โดยโครงการที่อัตราการใช้จ่ายต่อเป้าหมายต่ำที่สุดคือ ยิ่งใช้ยิ่งได้ 2.3% ตามด้วยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ 18.2%, คนละครึ่ง เฟส 3 อยู่ที่ 35.4%, วงเงินพิเศษบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฟส 3 อยู่ที่ 47.9% และการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการในระยะเร่งด่วน 54.8%

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. ท่าเรือเทียนจินเปิด “สถานีตู้สินค้าอัจฉริยะ” ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์แห่งแรก (ที่มา: เดลินิวส์ , ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2564)

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเทียนจิน เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ฉู่ปิน ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท เทียนจิน พอร์ต (กรุ๊ป) จำกัด ระบุว่าสถานีตู้สินค้าข้างต้นเป็นสถานีตู้สินค้าอัจฉริยะที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์แห่งแรกของโลก และเป็นตัวอย่างการพัฒนาที่เกี่ยวข้องแก่สถานีตู้สินค้าอื่น ๆ ทั่วโลก โดยสถานีตู้สินค้าแห่งนี้มี “สมองอันชาญฉลาด” ที่เกิดจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถวางแผนการขนถ่ายที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ พร้อมควบคุมแต่ละอุปกรณ์ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าสถานีตู้สินค้าแบบดั้งเดิมถึงร้อยละ 20 โดยหุ่นยนต์ขนส่งพื้นราบอัจฉริยะออกปฏิบัติงานภายในสถานีฯ พร้อมเซ็นเซอร์หลายชนิด อาทิ เรดาร์เลเซอร์ กล้อง และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร รวมถึงใช้ระบบดาวเทียมนำทางเป่ยโต่ว ซึ่งช่วยให้กำหนดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำโดยอาศัยเทคโนโลยี 5จี (5G)

อย่างไรก็ดี สถานีตู้สินค้าแห่งนี้ไม่ใช้พลังงานฟอสซิล แต่ใช้พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น ทำให้ปริมาณการใช้พลังงานลดลงกว่าร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับสถานีตู้สินค้าอัตโนมัติแบบดั้งเดิม และถูกออกแบบให้รองรับตู้สินค้า 2.5 ล้านทีอียู (TEU: หน่วยนับสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทเนอร์ความยาว 20 ฟุต) ต่อปี

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)