ข่าวประจำวันที่ 20 ต.ค. 2564

ข่าวในประเทศ

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

1. ได้รับใบอนุญาตทำงานในไทย ต่างชาติถืออีลิทการ์ดซื้อหุ้น อสังหาฯ 1 ล้านเหรียญ (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2564)

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (ไทยแลนด์ พริวิเลท การ์ด) อยู่ในประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าว ซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษอยู่ในประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงาน รวม 2 ฉบับ กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้คนต่างด้าว ซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน เพื่อเข้าร่วมโครงการแฟล็กซิเบิล พลัส โปรแกรม

อย่างไรก็ตาม รูปแบบโครงการแฟล็กซิเบิล พลัส โปรแกรม ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทุนในประเทศไทยตามประเภทที่กำหนด ในมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 33 ล้านบาท ในเวลา 1 ปี นับจากเข้าร่วมโครงการและให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถขอรับใบอนุญาตทำงานในไทยได้ รองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและกำลังซื้อสูง โดยผู้ที่ได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา เป็นประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษเพื่อการทำงานมีระยะเวลาคราวละ 5 ปี ตลอดระยะเวลาการลงทุนในโครงการนี้ ทั้งนี้ คนต่างด้าวที่จะได้รับสิทธิดังกล่าวจะลงทุนได้ใน 3 ประเภท คือ ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ลงทุนในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และลงทุนในตลาด หลักทรัพย์ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ หรือหน่วยลงทุน โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าการให้สิทธิประโยชน์ตามโครงการนี้สอดคล้องกับแผนการดึงดูดกลุ่มประชากรที่มีความมั่งคั่งสูง ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ 10,000 ราย จะทำให้มีเงินหมุนเวียนภายในประเทศจากการลงทุนประมาณ 300,000 ล้านบาท

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

2. รัฐจับมือจีนดันหนังไทยบุกตลาด หวังผลช่วยเศรษฐกิจ ฟื้นท่องเที่ยว (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2564)

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ระหว่างทบวงกิจการภาพยนตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะลงนามในต้นปี 2565 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านภาพยนตร์ของทั้งสองประเทศ สนับสนุนการนำเข้าและออกอากาศภาพยนตร์ระหว่างกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การใช้สถานที่ถ่ายทำ การเช่าโรงถ่ายทำ การจ้างทีมสตันต์

อย่างไรก็ดี การร่วมลงทุนภาพยนตร์ร่วมกันจะถือได้ว่าภาพยนตร์ที่ผลิตได้เป็นภาพยนตร์สองสัญชาติ จะทำให้ไทยสามารถจัดฉายในประเทศจีนได้โดยไม่ต้องผ่านระบบการกำหนดสัดส่วน (Quota) ภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งตลาดภาพยนตร์ในประเทศจีนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ในปี 2562 มีมูลค่าการขายตั๋วอยู่ที่ 64,200 ล้านหยวน หรือประมาณ 337,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.9% และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มีโรงภาพยนตร์ทั้งสิ้น 68,992 โรง ซึ่งมากที่สุดในโลก “นับเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายความร่วมมือเพื่อเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของทั้งสองประเทศและความร่วมมือในอุตสาหกรรมออนไลน์และดิจิทัล อีกทั้งจะเป็นการใช้สื่อภาพยนตร์เป็นเครื่องมือด้านซอฟต์ พาวเวอร์ เพื่อนำเสนอ ส่งเสริม และประชาสัมพันธ์ สร้างกระแสความนิยมของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์ด้านอื่นโดยเฉพาะการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวด้วย”        

 

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี
รองประธานกรรมการบริหาร
บริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC)

 

3. 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ยื่นหนังสือ ค้านกากอ้อยเป็นผลพลอยได้ ย้ำไม่เป็นธรรม (ที่มา: สยามรัฐ , ประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2564)

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) และประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ได้ยื่นหนังสือถึง ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ หลังได้ผ่านความเห็นชอบเพิ่มเติมมาตรา 4 ในส่วนคำนิยาม ‘ผลพลอยได้’ ให้หมายรวมถึง ‘กากอ้อย’ โดยเป็นการเพิ่มชนิดผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้คำนวณรายได้ในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70/30 ซึ่งเป็นประเด็นนำมาซึ่งความไม่เป็นธรรมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งในปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากการพิจารณาเพิ่มเติมในคำนิยามกากอ้อยในมาตรการดังกล่าว โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนฝ่ายโรงงานซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงต่อการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงแม้แต่คนเดียว ฝ่ายโรงงานจึงเห็นว่าร่างแก้ไขดังกล่าวไม่เป็นธรรมและไม่สามารถยอมรับกับข้อบังคับนี้ได้ ทั้งนี้ ฝ่ายโรงงานมองว่า การเพิ่มเติม ‘กากอ้อย’ เป็นคำนิยามในผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลทราย ขัดต่อหลักการของข้อตกลงเดิมที่กำหนดให้โรงงานเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการกากอ้อย ถือเป็นของเสียในกระบวนการผลิต และเมื่อโรงงานได้นำกากอ้อยไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยเป็นการลงทุนของโรงงานเองทั้งหมดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท แต่กลับถูกบังคับให้ต้องนำเงินเข้าสู่ระบบแบ่งปันจึงไม่เป็นธรรมต่อโรงงาน รวมถึงยังทำลายเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 ฉบับเดิม ที่เน้นหลักจริยธรรมแห่งการอยู่ร่วมกันระหว่างชาวไร่และโรงงาน สร้างความร่วมมือ ความยั่งยืนและความเป็นธรมระหว่างชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาล

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ มติดังกล่าวยังขัดต่อร่างแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาล ของภาครัฐที่จัดทำโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นร่างหลักที่ผ่านการทำประชาพิจารณ์เห็นชอบทุกฝ่ายทั้งชาวไร่อ้อย โรงงานและหน่วยงานภาครัฐ แต่กลับไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นร่างหลักเพื่อเป็นหลักในการพิจารณาปรับปรุง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ดังนั้นสมาคมฯ จึงดำเนินการคัดค้านมติของกรรมาธิการวิสามัญฯดังกล่าว และสนับสนุนให้ใช้ร่างกระทรวงอุตสาหกรรม มาเป็นแนวทางปรับปรุง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 “การยื่นหนังสือในครั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงท่าทีฝ่ายโรงงานจะคัดค้านมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญถึงที่สุดที่เพิ่ม “กากอ้อย” อยู่ในนิยามผลพลอยได้ โดยไม่มีตัวแทนโรงงานน้ำตาลเข้าร่วมเป็นแม้แต่คนเดียว เราจึงไม่อาจยอมรับได้ และยังกังวลว่าประเด็นนี้จะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในอนาคต”

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. ราคาน้ำมัน WTI ถ่านหินร่วง หลังจีนออกมาตรการสกัดราคาถ่านหิน เพิ่มอุปทาน (ที่มา: อินโฟเควสท์ , ประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2564)

ราคาถ่านหินในตลาดล่วงหน้าของจีนร่วงลงในช่วงเช้านี้ หลังจากหน่วยงานของรัฐบาลจีนเริ่มออกนโยบายควบคุมราคาถ่านหินและคลี่คลายวิกฤตพลังงานในประเทศ โดยสัญญาถ่านหินในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เจิ้งโจวร่วงลง 4.4% เช้านี้ หลังจากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ออกแถลงการณ์ว่า NDRC ได้ออกมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผลผลิตถ่านหินในประเทศจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 12 ล้านตัน/วัน และให้ความสำคัญต่อการจัดส่งถ่านหินผ่านทางท่าเรือและรถไฟ นอกจากนี้ NDRC จะประเมินมาตรการอื่น ๆ เพื่อแทรกแซงราคา และจะ "ไม่อดทน" ต่อผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ หรือสร้างความปั่นป่วนในตลาด

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรีจีนได้เรียกร้องให้มีการใช้มาตรการที่เด็ดขาดเพื่อปราบปรามการเก็งกำไรและกักตุนสินค้าในอุตสาหกรรมพลังงาน พร้อมกับกล่าวว่า ราคาถ่านหินและไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องกับกลไกของตลาดนั้น จะช่วยสร้างเสถียรภาพของอุปทาน นอกเหนือจากราคาถ่านหินแล้ว ราคาน้ำมัน WTI ได้ปรับตัวลง 52 เซนต์ หรือ 0.63% แตะที่ 82.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายช่วงเช้านี้

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)