ข่าวประจำวันที่ 27 ต.ค. 2564

ข่าวในประเทศ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. สุริยะ ถกเอกชนเหยียบคันเร่งกัญชงเชิงพาณิชย์ (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2564)

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยหลังการเข้าพบของสมาคมอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) ว่า จากนโยบายภาครัฐที่ได้ประกาศปลดล็อกพืชกัญชงในประเทศ ขณะนี้ กระทรวงกำลังร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชงเชิงพาณิชย์และมีกำหนดนำแผนโดยแผนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาในเดือน ธันวาคมนี้ พร้อมกันกับการเตรียมร่างแผนงบประมาณเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกัญชงเพื่อเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อขออนุมัติในเร็ว ๆ นี้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายวีระชัย ณ นคร ประธานกิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย กล่าวว่า การหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในครั้งนี้เนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม มีองค์ความรู้และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดสากล ขณะที่นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้า อุตสาหกรรมกัญชงไทย กล่าวว่า แผนพัฒนาพืชเศรษฐกิจกัญชงระหว่างปี 2565-2575 ได้วางแนวทางผลักดันพืชเศรษฐกิจกัญชงของไทยสู่ความเป็นผู้นำและศูนย์กลาง (ฮับ) ในเอเชีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ไทยจะได้ช่วงชิงตลาดกัญชง กัญชา และกระท่อม มูลค่า 800,000 ล้านบาทต่อปีในตลาดโลก เติบโตปีละ 25% ต่อปี และในอีก 3-5 ปีข้างหน้ามูลค่าจะเพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาท

นายจุลพงษ์ ทวีศรี
รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

2. บอร์ด สมอ. เคาะมาตรฐานสินค้าอุปกรณ์เตือนภัย กันขโมย (ที่มา: ไทยโพสต์ , ประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2564)

นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมาว่า บอร์ดได้มีมติเห็นชอบรายชื่อเพื่อจัดทำมาตรฐานในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 596 เรื่อง โดยมีแผนตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 240 เรื่อง ครอบคลุมมาตรฐานกลุ่มเอสเคิร์ฟ นิวเอสเคิร์ฟ กลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ มาตรฐานตามนโยบาย และมาตรฐานเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังเห็นชอบมาตรฐานระบบเตือนภัย และมาตรฐานสินค้าอื่น ๆ รวม 58 มาตรฐาน รวมทั้ง ให้ สมอ. ควบคุมคาร์บอนไดร์ออกไซด์ทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้านนายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า มาตรฐานระบบเตือนภัยตรวจจับการบุกรุกและการโจรกรรม เป็นมาตรฐานที่ สมอ. ได้ประกาศใช้ครั้งแรกเมื่อปี 2541 ซึ่งปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง สถิติการโจรกรรมและอาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนหันมานิยมติดตั้งอุปกรณ์ระบบเตือนภัยในที่พักอาศัยและอาคารสถานที่ต่างๆ กันมากขึ้น สมอ. จึงได้นำมาทบทวนเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะประกาศใช้มาตรฐานดังกล่าวภายในต้นปี 2565 "การประชุมบอร์ด สมอ. ครั้งนี้ นอกจากจะเห็นชอบให้ สมอ. จัดทำมาตรฐานระบบเตือนภัยตรวจจับการบุกรุกและการโจรกรรมที่ติดตั้งในอาคาร จำนวน 6 เรื่องแล้ว ยังได้เห็นชอบให้จัดทำมาตรฐานเพิ่มเติมอีก 52 เรื่อง อาทิ มาตรฐานระบบกักเก็บพลังงานสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องบำบัดโรคระบบทางเดินหายใจ มอนิเตอร์ระบบอากาศหายใจ เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด ยานยนต์ที่ติดตั้งระบบห้ามล้อฉุกเฉินขั้นสูง ยานยนต์ที่ติดตั้งระบบโทรศัพท์ฉุกเฉินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แหวนยางสำหรับท่อน้ำ สิ่งทอที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร เอทานอลใช้ในทางเภสัชกรรม และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เป็นต้น" นายบรรจง กล่าว                  

 

นายวันชัย พนมชัย
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

3. โมเดิร์นเทรดพึมพำกำลังซื้อยังอั้น แม้จะคลายล็อกมาตรการ (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2564)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด ไตรมาส 3/2564 ที่สำรวจผู้ประกอบการ 111 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 18 กันยายน - 8 ตุลาคม 2564 ว่า ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในรอบ 2 ไตรมาส โดยดัชนีรวมอยู่ที่ 47.9 ดัชนีในปัจจุบันอยู่ที่ 47.1 และดัชนีในอนาคตอยู่ที่ 48.7 เพราะปลายไตรมาส 3 รัฐทยอยคลายล็อกมาตรการต่าง ๆ และผู้ประกอบการมองว่าธุรกิจค้าปลีกน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว “จากการที่รัฐบาลเติมเงินคนละครึ่งเฟส 3 ให้ประชาชนอีกคนละ 1,500 บาท รวมเป็น 3,000 บาท จะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นอีก 45,000 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคมนี้ เดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000-25,000 ล้านบาท จะทำให้จีดีพีไตรมาส 4 ขยายตัวได้ 3-4% และทั้งปี 2564 มีโอกาสเติบโตได้ 1-1.5%

อย่างไรก็ตาม ด้านนางสาวชลิดา จันทร์สิริพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด และกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกลุ่มค้าปลีกและบริการ สภาหอการค้าไทย กล่าวว่า แม้มีการคลายล็อกและอัดฉีดกำลังซื้อผ่านโครงการคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เราเที่ยวด้วยกัน ทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งเริ่มเข้ามาเป็นปัจจัยบวก แต่กำลังซื้อยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร “ภาคธุรกิจโมเดิร์นเทรดต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ โดยลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาวัคซีนและช่วยเหลือลูกจ้าง หรือการช่วยเหลือร้านค้าในศูนย์การค้า นอกจากนี้ ขอให้รัฐเร่งแก้ไขเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อซอฟต์โลน ซึ่งปัจจุบันมีวงเงินเหลือ 50,000 ล้านบาท แต่ผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยยังไม่สามารถกู้เงินได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบต่าง ๆ ”

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. กำไรภาคอุตสาหกรรมจีนเดือนกันยายนพุ่ง 16.3% แม้ถูกกระทบจากต้นทุนสูง (ที่มา: อินโฟเควสท์ , ประจำวันที่ 27 ตุลาคม 2564)

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม พุ่งขึ้น 16.3% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 7.3874 แสนล้านหยวน (1.1572 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนสิงหาคมที่มีการขยายตัว 10.1% แม้ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น รวมทั้งปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทาน ที่ผ่านมานั้น ภาคอุตสาหกรรมของจีนได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้น รวมทั้งภาวะขาดแคลนอุปทาน และการปันส่วนการใช้พลังงานเนื่องจากปัญหาขาดแคลนถ่านหิน อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลตั้งเป้าลดการปล่อยมลพิษ

อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมราคาโลหะที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และบรรเทาภาวะขาดแคลนพลังงานในประเทศ ซึ่งรวมถึงการเรียกร้องให้บรรดาเหมือนถ่านหินเร่งเพิ่มการผลิต และบริหารจัดการอุปสงค์ด้านไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลจีนเปิดเผยในเดือนนี้ว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้ราคาพลังงานที่ต้องใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงนั้น ปรับตัวขึ้นลงได้มากถึง 20% จากระดับฐาน ซึ่งจะช่วยให้โรงงานไฟฟ้าสามารถผลักภาระต้นทุนด้านการผลิตที่สูงขึ้นไปให้กับกลุ่มผู้ใช้งานในภาคการค้าและอุตสาหกรรม ส่วนในช่วงเดือนมกราคม - กันยายน กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 44.7% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 6.34 ล้านล้านหยวน ซึ่งชะลอลงจากช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ที่มีการขยายตัว 49.5%

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)