ข่าวประจำวันที่ 22 พ.ย. 2564

ข่าวในประเทศ

นายวันชัย พนมชัย
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

 

1. กรอ. ขู่เช็คบิลโรงงานกำจัดกากฯ 135 รายนอกแถวขีดเส้นภายใน 15 วัน (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์ , ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564)

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ. ได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้ก่อกำเนิดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วทั้งที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตรายที่มีของเสียปริมาณมาก แต่การแจ้งขนออกไม่สอดคล้องกับการแจ้งรับ อย่างมีนัยยะสำคัญ จำนวน 37 โรงงาน และโรงงานผู้รับบำบัดหรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่รับ ของเสียปริมาณมาก แต่ไม่ได้จัดทำรายงานตามหลักเกณฑ์ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ จำนวน 98 โรงงาน ให้ส่งรายงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนดไว้ ภายใน 15 วัน หากไม่ส่งจะมีความผิด จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้ายังไม่ดำเนินการอีก จะมีการสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข หรือหยุดประกอบกิจการไว้ก่อน จนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ ทั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีหน้าที่กำกับดูแลตรวจสอบโรงงานที่ประกอบกิจการรับกำจัดหรือบำบัดสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้วหรือที่เราเรียกว่ากากอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,451 โรงงาน โดยแบ่งเป็นลำดับที่ 101 โรงงานปรับสภาพของเสียรวม จำนวน 138 โรงงาน ลำดับที่ 105 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 1,433 โรงงาน และลำดับที่ 106 โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม จำนวน 880 โรงงาน ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้ประกอบกิจการโรงงานรับบำบัดหรือกำจัดหลายรายจงใจหลบเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ดังจะเห็นตามที่เป็นข่าวเรื่อยมา

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการรับกำจัดกากในปี 2564 ที่ผ่านมาพบว่า มีการขออนุญาตนำกากอุตสาหกรรมชนิดอันตรายไปบำบัดจำนวน 1,189,102 ตัน และชนิดไม่อันตรายจำนวน 14,039,913 ตัน แต่กลับพบจากรายงานว่า มีการบำบัดจริงไม่เป็นไปตามที่ขออนุญาตไว้ จึงได้สั่งการให้โรงงานที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยดังกล่าว รายงานข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดภายใน 15 วัน และจะขยายผลการตรวจสอบโรงงานอื่น ๆ ที่เหลือ อีกกว่าพันราย ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยต่อไป ทั้งนี้ ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้พัฒนาระบบติดตามรถขนกากของเสียอุตสาหกรรม (E-fully Manifest) เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยระบบจะเชื่อมต่อสัญญาณ GPS ที่ติดอยู่กับรถเข้ากับระบบของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเดินรถได้แบบเรียลไทม์ และจะใช้เป็นหลักฐาน กรณีมีเรื่องลักลอบทิ้งกาก หรือหากพบว่ารถที่ขนกาก มีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะสั่งการให้รถที่จะรับขนกากของเสียอุตสาหกรรม ต้องมาลงทะเบียนเพื่อใช้งานระบบดังกล่าว ภายใน 30 พฤศจิกายน 2564 นี้ นายวันชัยฯ กล่าว

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.)

 

2. กรมขนส่งฯ ตีปี๊บ ดึงเอกชนลงทุน ศูนย์ “เชียงของ” หลังไม่มีคนร่วม (ที่มา: แนวหน้า , ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564)

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่าตามที่ประกาศเชิญชวนภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุนโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 วงเงินโครงการรวมกว่า 2,864 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน 2564 พบว่ายังไม่มีเอกชนสนใจซื้อเอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุน (Request for Proposal : RFP) ในเบื้องต้นสาเหตุเนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ส่งผลให้ด่านพรมแดนปิดอย่างไม่มีกำหนด จึงทำให้เอกชนเกิดความไม่แน่นอน ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าวนอกจากไทยแล้วยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว และ จีน ด้วย

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับการดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เนื่องจากรถไฟจะเป็นตัวสำคัญในการรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (Modal Shift) ระหว่างทางถนนกับทางราง เพื่อมาสู่ต้นทุนที่ถูกกว่า หากมีความชัดเจนจะทำให้เอกชนสามารถคำนวณผลประกอบการได้ โดยทางกรมการขนส่งฯจะประชุมคณะกรรมการคัดเลือกที่เชิญชวนเอกสารร่วมลงทุนตามโครงการดังกล่าวภายในเดือนนี้เพื่อพิจารณา 2 ทางเลือก คือ 1.) ปรับปรุงเงื่อนไข เอกสารข้อเสนอการร่วมลงทุน (Request for Proposal : RFP) เพื่อจูงใจให้เอกชนเข้าร่วมมากกว่านี้ และ 2.) เชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนใหม่อีกครั้ง เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป                  

 

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ
อดีตกรรมการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

 

3. “ยุโรป” ล็อกดาวน์อีกรอบ หวั่นกระทบเศรษฐกิจทั่วโลก (ที่มา: แนวหน้า , ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564)

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวถึง เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณการกระเตื้องขึ้นอาจได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดยเฉพาะการระบาดรอบใหม่ในยุโรปและอาจทำให้หลายประเทศต้องประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง ออสเตรีย ไอร์แลนด์ สโลวาเกียได้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศไปแล้วและมีแนวโน้มที่เยอรมนีอาจประกาศล็อกดาวน์บางพื้นที่เช่น แคว้นบาวาเรีย จากยอดติดเชื้อรายวันสูงถึง 50,000 คน นอกจากนี้ยังมีการประท้วงการล็อกดาวน์ทำให้การแก้ปัญหามีความซับซ้อนขึ้นอีก ปัจจัยการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐฯและยุโรปปรับลดลงโดยตลาดหุ้นออสเตรียปรับตัวลงแรงมากกว่า 3% ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ แต่การปรับลดลงของราคาน้ำมันอาจมีข้อจำกัดจากที่กลุ่มโอเปกพลัสยังไม่เพิ่มกำลังการผลิต และการปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาหรือจีนอาจไม่มากอย่างที่คาด ขณะเดียวกันอุปสงค์ของพลังงานยังปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องและสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่และยุโรปหลายประเทศกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ความต้องการในการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ส่วนการเปิดประเทศของไทยอาจทำให้เกิดการระบาดระลอกสี่ได้โดยเฉพาะจากสถานบันเทิงและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การระบาดรอบใหม่อาจไม่มีความจำเป็นต้องล็อกดาวน์เข้มงวดเหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มาและจำนวนป่วยหนักไม่น่าสูงนักจากจำนวนผู้ฉีดวัคซีน 2 เข็มของไทยที่อยู่ 58% ของประชากร

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. สหราชอาณาจักรเตรียมจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ G7 ธันวาคมนี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์ , ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564)

กระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่า สหราชอาณาจักรจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศ G7 และจากสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่งานประชุมสุดยอดในเมืองลิเวอร์พูลระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคมนี้ โดยแถลงการณ์ระบุว่า การประชุมสุดยอดนี้จะหารือในประเด็นต่าง ๆ รวมถึง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, ปัญหาด้านสาธารณสุขทั่วโลก และสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐมนตรีที่มีกำหนดจะเข้าร่วมในการประชุมนั้นจะรวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศจากมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียด้วย พร้อมเสริมว่า นี่เป็นการประชุมครั้งแรกระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจากอาเซียนและกลุ่ม G7 และสะท้อนให้เห็นถึงการที่สหราชอาณาจักรเข้ามามีส่วนร่วมในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมากขึ้น ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรรับตำแหน่งเป็นประธานหมุนเวียนของกลุ่ม G7 ในปี 2564 และได้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G7 ในเมืองคาร์บิส เบย์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)