ข่าวประจำวันที่ 25 พ.ย. 2564

ข่าวในประเทศ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. สอน. ยกเครื่องอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายผุดแพลตฟอร์มตลาดกลางเครื่องจักร (ที่มา: ไทยโพสสต์ , ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564)

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ส่งเสริมชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดส่งโรงงานน้ำตาลทรายมากขึ้น ผ่านการนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาภาคการผลิต โดยได้ดำเนินมาตรการลดต้นทุนแก่ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดในอัตราเงินอุดหนุน 120 บาทต่อตันอ้อยอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ทั้งยังนำเทคโนโลยีเครื่องจักรมาใช้ในการบริหารจัดการไร่อ้อยให้มากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวแบบครบวงจร

อย่างไรก็ดี นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการ สอน. เปิดเผยว่า การดำเนินงานของ สอน. ในปี 2564 ได้ยกระดับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการทำงานรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้พัฒนาแพลตฟอร์มตลาดกลางเครื่องจักรที่ใช้ในไร่อ้อย บนเว็บไซต์ www.Raiaoi.com เพื่อเป็นตลาดกลางเชื่อมโยงชาวไร่อ้อยกับผู้ประกอบการเครื่องจักรกลทั้งที่ขายและให้เช่าได้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ช่วยให้ชาวไร่อ้อยเข้าถึงข้อมูลและเครื่องจักรที่ต้องการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เช่น รถแทรกเตอร์ รถตัดอ้อย รถไถ รถสาง รถพรวนดิน แล็บเตอร์ เป็นต้น ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ทั้งนี้ นายเอกภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่สำคัญยังสนับสนุนให้ชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดลดปริมาณการตัดอ้อยไฟไหม้ เพื่อลดปัญหามลภาวะฝุ่นพิษอย่างต่อเนื่อง โดยฤดูการผลิตปี 2564/2565 สอน. ตั้งเป้าหมายลดปริมาณการตัดอ้อยไฟไหม้เหลือ 10% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด โดยปีนี้คาดการณ์ปริมาณอ้อยเข้าหีบอยู่ที่ 85 ล้านตัน (ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2563/2564 ที่มีอ้อยไฟไหม้เกือบ 27% ของปริมาณอ้อยทั้งหมด 66.65 ล้านตัน และลดลงจากปี 2562/2563 ที่มีอ้อยไฟไหม้ประมาณ 49%) และฤดูการผลิตปี 2565/2566 ตั้งเป้าหมายตัดอ้อยไฟไหม้ลดลงเหลือ 5% และปี 2566/2567 เป็น 0% เพื่อแก้ไขปัญหาการเผาไร่อ้อยเป็นการลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างถาวร นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเสาะหาพันธมิตรทำแปลงปลูกอ้อยแบบรวมแปลงใหญ่เป็นพื้นที่นำร่องขนาดไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ภายในปีนี้ เพื่อเป็นแปลงตัวอย่างในการเพาะปลูกและการบริหารจัดการต้นทุนที่เป็นมาตรฐาน ตั้งเป้าหมายให้ชาวไร่อ้อยมีต้นทุนปลูกอ้อยต่ำกว่า 1,000 บาทต่อไร่ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,200-1,400 บาทต่อตันต่อไร่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกให้มีผลผลิตสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 12 ตันต่อไร่ จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 9 ตันต่อไร่ ภายใน 3 ปี

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

 

2. “คลัง” จ่อลดมาตรการเยียวยา ธปท. ห่วงธุรกิจสายป่านสั้นทรุด (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564)

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในงานเสวนา Thailand 2022 : Unlock Value สู่เส้นทางใหม่ไร้ขีดจำกัด ในหัวข้อการเงิน-การคลังกู้วิกฤติเศรษฐกิจไทยว่า มาตรการดูแลเศรษฐกิจระยะต่อไปโดยการเยียวยาด้วยการโอนเงินเข้าแอปเป๋าตังจะทยอยลดลง เพราะถือเป็นมาตรการเฉพาะหน้าช่วยคนตกงาน แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะต้องทำให้ทุกคนมีรายได้ของตัวเอง โดยเน้นมาตรการสร้างงานมาตรการลดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน เช่น การเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ต้นปี 2565

อย่างไรก็ดี ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาเดียวกัน ว่า พระเอกของนโยบายในช่วงนี้ยังเป็นนโยบายการคลัง โดยประเมินว่า การใช้นโยบายการเงินในมาตรการเยียวยาที่ผ่านมาปีที่แล้ว ปีนี้ และต่อเนื่องในปีหน้าช่วยให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยถึง 10.8% โดยหากปีที่แล้วไม่มีมาตรการคลังเศรษฐกิจจากติดลบ 6.1% จะติดลบ 9% ปีนี้จากที่คาดโต 1% จะติดลบ 4% ขณะที่นโยบายการเงินที่ผ่านมาเป็นตัวช่วยประคองในภาพรวม ช่วยเรื่องดอกเบี้ย และปรับลดภาระหนี้เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ “วิกฤติโควิดมีผลกระทบต่อแต่ละภาคธุรกิจที่แตกต่างกัน ทำให้การฟื้นตัวของแต่ละภาคธุรกิจไม่เหมือน และที่เราคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยจะกลับขึ้นไปอยู่ในช่วงก่อนโควิด-19 ในไตรมาสแรกปี 2566 แต่ในความจริงการฟื้นตัวเป็นแค่ตัวเลข เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกว่ากลับไปที่จุดนั้น เนื่องจากรายได้และการจ้างงานยังไม่กลับมาเท่าเดิม โดยต้องจับตาความเสี่ยงคือ ในประเทศว่า จะมีการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่หรือไม่ แต่ข้อดีคือ ถึงแม้จะมีการระบาดแต่ความรุนแรงน่าจะลดลงจากเดิม ทำให้โอกาสที่จะต้องล็อกดาวน์เต็มรูปแบบลดลง นอกจากนั้นยังต้องติดตามภาคธุรกิจที่มีความเปราะบาง เพราะหลังจากอดทนมายาวนาน สายป่านสั้นลง และหวังว่าช่วงต่อไปจะดีขึ้น แต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวไม่ได้เร็วอย่างที่คิดอาจจะทำให้มีความอึดอัด และไปต่อไม่ไหว”                  

 

นายผยง ศรีวณิช
ประธานสมาคมธนาคารไทย

 

3. แบงก์มึนโควิดหนี้เน่า 2 ล้านล้าน ธปท. ช่วยประคองต่อลมหายใจ (ที่มา: ไทยรัฐ , ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564)

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปัจจุบันสถาบันการเงินแบกรับภาระหนี้ก้อนใหญ่อยู่ประมาณ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเรียกว่าเป็นหน้าผาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของสถาบันการเงินทั้งประเทศ แต่ไม่รวมสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยที่ผ่านมาต้องชื่นชมธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรัฐบาลที่ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการช็อกและล้มลง “ภาระหนี้ 2 ล้านล้านบาท ถือเป็นจุดเปราะบางสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม ธปท. ได้ออกมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2566 ดังนั้นในช่วง 2 ปีจากนี้ จะมีเครื่องมือในการประคองแบบผลักดันให้เกิดการฟื้นตัว”

อย่างไรก็ตาม สำหรับการก้าวสู่การเงินดิจิทัลนั้นมองว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ระบบสถาบันการเงินมีฐานลูกค้าที่หยั่งรากไปสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงการแบกภาระหนี้อยู่ 2 ล้านล้านบาท ถือเป็นพันธกิจที่ต้องเดินต่อไป ขณะที่โลกดิจิทัลจะเห็นเส้นแบ่งความท้าทายของระบบสถาบันการเงินกับตัวการให้บริการทางการเงินที่คลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสถาบันการเงินเริ่มมีทั้งนอนแบงก์ ไม่มีตัวตนเกิดขึ้นตลอดเวลาและมีผลต่อระบบธนาคารพาณิชย์แน่นอน

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. ภาคธุรกิจออสซี่ลดการลงทุน 2.2% ใน Q3 หลังถูกกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ , ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564)

สำนักสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ว่า การลงทุนของภาคธุรกิจออสเตรเลียปรับตัวลดลงในไตรมาส 3/2564 เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลายบริษัทต้องปิดกิจการ

อย่างไรก็ดี ภาคเอกชนของออสเตรเลียมีแนวโน้มเพิ่มการลงทุนในอนาคต หลังจากรัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการเข้มงวดเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยรายงานของสำนักงานสถิติออสเตรเลียระบุว่า การลงทุนของภาคธุรกิจออสเตรเลียลดลง 2.2% ในไตรมาส 3 แตะที่ 3.27 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2.357 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 2% ทั้งนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ภาคธุรกิจของออสเตรเลียวางแผนเพิ่มการใช้จ่ายในปีงบการเงินที่สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2565 สู่ระดับ 1.386 แสนล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ และส่งสัญญาณว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคได้ในอนาคต อีกทั้ง ทางการออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลข GDP จะปรับตัวลงอย่างมาก เนื่องจากคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งบังคับใช้ในซิดนีย์และเมลเบิร์นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาส 3

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)