ข่าวในประเทศ
นายดนุชา พิชยนันท์
เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
1. สศช.เคาะศก.โต2.7-3.2%การบริโภค-ท่องเที่ยว-ส่งออกขยายตัว (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2565)
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพี ในไตรมาส 2 ของปี 2565 ขยายตัว 2.5% ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัว 2.3% ในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี 2565 อยู่ที่ 0.7% รวมในครึ่งแรกของปีนี้เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 2.4% สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัว 2.7-3.2% ปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. จะเพิ่มขึ้น 7.9% การอุปโภคบริโภค 4.4% และการลงทุนภาคเอกชน 3.1% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง 6.3 - 6.8% และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1.6% ของจีดีพีทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัดที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความเสี่ยงจากการชะลอตัวมากกว่าที่คาดของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนในตลาดการเงินโลก โดยมีเงื่อนไขความเสี่ยงที่ต้องติดตามและประเมินอย่างใกล้ชิด ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูง ขณะเดียวกันตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ความเสี่ยงจากสถานการณ์อุทกภัย โดยยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดพายุขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน ซึ่งจะนำไปสู่สถานการณ์อุทกภัย และส่งผลกระทบทั้งในพื้นที่การเกษตร พื้นที่อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยของประชาชน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปีนี้ควรให้ความสำคัญกับ 1. การติดตามและดูแลกลไกตลาด 2. การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร 3. การดูแลและแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้รายย่อยท่ามกลางแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย 4. การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้า 5. การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง 6. การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน 7. การขับเคลื่อนการใช้ จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และ 8. การติดตาม เฝ้าระวัง และเตรียมมาตรการรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
2. 'ซับคอน อีอีซี 2022' จับคู่ธุรกิจกระตุ้นลงทุน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2565)
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จะจัดงานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่เจรจาธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายใต้ชื่องาน "ซับคอน อีอีซี 2022" (Subcon EEC 2022) ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นการจัดงานซับคอนครั้งแรกในภาคตะวันออกที่ต่อยอดความสำเร็จจากงานซับคอนซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีที่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อีอีซีให้มากยิ่งขึ้นหวังกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ทั้งนี้ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศที่ครอบคลุม 3 จังหวัดเศรษฐกิจ ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุน โดยในช่วง 6 เดือน (มกราคม-มิถุนายน 2565) ที่ผ่านมา มีโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี จำนวน 217 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 104,850 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น โดยบีโอไอให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อกระจายกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอีอีซีซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนการลงทุนสูงที่สุดและมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเท ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จะช่วยยกระดับการลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีไปสู่การเป็นศูนย์กลางผู้ผลิตชิ้นส่วนระดับภูมิภาค รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทย ทั้งนี้ ได้มีบริษัทผู้ซื้อชิ้นส่วนเข้าร่วมจำนวนมากอาทิ บริษัท Voestalpine Railway Systems (Thailand) ผู้ผลิตระบบรางรถไฟสัญชาติออสเตรีย บริษัท Autostore ผู้ผลิตระบบคลังสินค้าอัจฉริยะสัญชาตินอร์เวย์ บริษัท Autoliv ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในยานยนต์ เช่น เข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยสัญชาติสวีเดน บริษัท Dayou Winia (Thailand) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสัญชาติเกาหลีใต้ บริษัท Midea (Thailand) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสัญชาติจีน บริษัท BMW Group บริษัท ISUZU Motors (Thailand) บริษัท Siam Kubota บริษัท Electrolux เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับงานซับคอน อีอีซี 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคม 2565 นี้ โดยจะมีทั้งการจัดแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรม เทคโนโลยีและนวัตกรรม กิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการสัมมนาและสัมมนาเชิงปฏิบัติการจากหลายหน่วยงาน เช่น บีโอไอ กรมโรงงานอุตสาหกรรม สถาบันไทย-เยอรมัน อีอีซี ออโตเมชัน พาร์ค ศูนย์ความเป็นเลิศด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 6,000 คน เกิดการจับคู่ธุรกิจ 400 คู่ มูลค่า 1,200 ล้านบาท
นายวีริศ อัมระปาล
ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
3. กนอ.เล็งผุดท่าเรือบกนิคมฯอุดรธานี (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2565)
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน การบริหารจัดการท่าเรือ และการผลิตน้ำจืดจากทะเล ณ ประเทศสเปน ร่วมกับนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ กนอ. และคณะกรรมการ กนอ. เพื่อนำมาปรับใช้ประกอบการจัดทำแผนแม่บทท่าเรืออุตสาหกรรมอัจฉริยะที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Smart and Carbon Neutral Industrial Port) ตามเป้ายุทธศาสตร์ปี 2566 พร้อมแลกเปลี่ยนการบริหารจัดการท่าเรือบก (Dry Port) ที่จะนำรูปแบบมาปรับใช้ในการดำเนินการก่อสร้างและให้บริการท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของไทยเพื่อสนับ สนุนให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาค ขณะเดียวกัน ยังได้มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาคมการผลิตน้ำจืด จากทะเล และการนำน้ำกลับมาใช้แห่งสเปน (AEDyR) เพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อหาแนวทางความเป็นไปได้ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการคัดเลือกพื้นที่ตั้งระบบผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล อัตรากำลังการผลิต เทคโนโลยีการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล ฯลฯ โดยที่ผ่านมาสำหรับพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นพบว่ากระบวนการ RO หรือ Reverse Osmosis เป็นกระบวนที่เหมาะสมที่สุด และพื้นที่มีศักยภาพสูงที่เหมาะสมสำหรับ ตั้งโรงผลิตน้ำจืดจากทะเลอยู่บริเวณพื้นที่มาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากบริษัท เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ภายใต้การกำกับการดูแล กนอ. กล่าวว่า กนอ. เดินทางไปยังสเปนส่วนหนึ่งเพื่อที่จะดูแนวทางบริหารจัดการท่าเรือบกและระบบการขนส่งแบบ multimodal ในบริเวณเขตอุตสาหกรรมที่เป็นศูนย์กลางระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศ เพื่อนำรูปแบบมาปรับใช้ในการดำเนินการก่อสร้างและให้บริการท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ซึ่งมีความพร้อมที่จะเป็นฮับโลจิสติกส์ของภูมิภาค เป็นศูนย์กลางการลงทุนอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในภาคอีสาน
ข่าวต่างประเทศ
4. เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ใน Q3/65 (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2565)
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 3 โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวสูงกว่าระดับ 1.4% ที่มีการระบุก่อนหน้านี้ โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.9% ในไตรมาส 2 หลังหดตัว 1.6% ใน ไตรมาส 1 ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ทั้งนี้ ทางด้าน นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เขาไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ถือเป็นหน่วยงานในการตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยจะมีการพิจารณาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการ
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)