ข่าวประจำวันที่ 6 ต.ค. 2565

ข่าวในประเทศ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

รองปลัดกระทรวงพาณิชย์

1. “พาณิชย์” ลุ้นปีนี้ขยายตัว 5.5%-6.5% เงินเฟ้อเดือน ก.ย.พุ่ง 6.41% (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2565)

 

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกันยายน 2565 ว่า เท่ากับ 107.70 เมื่อเทียบกับ 101.21 ของเดือนกันยายน 2564 ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 6.41% ชะลอตัวลงจากเดือน สิงหาคมที่ผ่านมา ที่สูงถึง 7.86% ส่วนเมื่อเทียบกับดัชนีเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่ 107.46 ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.22% และดัชนีเฉลี่ย 9 เดือน (มกราคม - กันยายน) ปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้น 6.17% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ที่หักอาหารสดและพลังงานออกจากการคำนวณเดือนกันยายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 103.73 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 0.09% แต่เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2564 สูงขึ้น 3.12% ชะลอลงจากเดือนสิงหาคมที่สูงขึ้น 3.15% ส่วนเฉลี่ย 9 เดือน เพิ่มขึ้น 2.26% ทั้งนี้ สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่ม 6.41% เป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน ขยายตัว 16.10% ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ค่าโดยสารสาธารณะ การศึกษา ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ยังสูงขึ้นกว่าปีก่อน, อาหารสด ขยายตัว 10.97% ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง, อาหารสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และเครื่องประกอบอาหาร ที่แม้ราคาชะลอตัว แต่ยังสูงกว่าปีก่อนตามต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบ ค่าขนส่ง

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อไตรมาส 4 ปีนี้ มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากไตรมาส 3 ตามต้นทุนการผลิตและการขนส่งในประเทศ หลังราคาน้ำมันดิบและอาหารโลกลดลง รวมถึงมาตรการดูแลค่าครองชีพของภาครัฐ ที่อาจมีเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งทำให้เงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ความต้องการซื้อในประเทศที่ดีขึ้น ตามภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และรายได้เกษตรกรที่อยู่ในระดับดี และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้จะขยายตัว 5.5-6.5% โดยมีค่ากลางที่ 6% สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และการคาดการณ์เงินเฟ้อของหน่วยงาน ด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ของไทย

 

นายสนั่น อังอุบลกุล

ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 

2. กกร.รื้อเป้าจีดีพีโต 3-3.5% (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2565)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปี 2565 อยู่ในกรอบ 3-3.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมคาดไว้โต 2.75-3.5% มูลค่าการส่งออกคาดโตในกรอบ 7-8% เพิ่มขึ้นจากเดิมคาดไว้โต 6-8% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดโตในกรอบ 6-6.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมคาดไว้โต 5.5-7% ทั้งนี้ เนื่องจากได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 1.17 ล้านคน และคาดว่าทั้งปี 2565 มีโอกาสแตะระดับ 9-10 ล้านคน ส่งผลดีต่อการจ้างงานและรายได้แรงงาน ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศทยอยฟื้นตัว แต่ยังต้องติดตามภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงกระทบกำลังซื้อของครัวเรือน และความเสี่ยงต่อรายได้ภาคเกษตรจากน้ำท่วม ทั้งนี้ ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ความเสียหายรวมทั้งประเทศประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะโซนเมืองในหลายจังหวัด เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจกระทบต่อความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของประชาชน รวมถึงภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบบ้างในพื้นที่เพาะปลูกข้าว แต่โดยรวมยังไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจมากนัก ส่วนผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมประกอบการยังมั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ กกร. กทม. ยังประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยืนอยู่ในระดับสูง ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ยังไม่สามารถลดลงได้มากนัก ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกันยายน ทั้งยังมีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำและยังมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากกว่าที่คาด ยุโรปเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย

 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

3. อนุทินนำทีมเยือนเวียงจันทน์ ถก สปป.ลาว วางแนวเชื่อมต่อทางรถไฟ (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2565)

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 6-7 ตุลาคม 2565 นี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-ลาวและจีน จะนำคณะทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางราง กรมทางหลวง สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร   การรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้แทนหน่วยงานจากกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน เดินทางไปร่วมประชุมกับผู้แทนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟ ระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือกันทั้งในส่วนของการเชื่อมโยงผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า แนวทางการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ตลอดจนการร่วมกันพัฒนาบุคลากรด้านคมนาคมทางถนน ทางรถไฟ โลจิสติกส์ และการบินพลเรือน ทั้งนี้ คณะของรองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปศึกษาดูการดำเนินงานและรับฟังข้อมูลการดำเนินงานของโครงการเวียงจันทน์ โลจิสติกส์ปาร์ค (Vientiane Logistics Park : VLP) ซึ่งเป็นพื้นที่การบริหารจัดการการสินค้าที่ขนส่งระหว่าง สปป.ลาวและจีน โดยเส้นทางรถไฟ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนงานการเชื่อมต่อขนส่งสินค้าที่จะมายังประเทศไทยในอนาคต

อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ หนองคาย เป็นแผนงานของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง เพื่อสนับสนุนเส้นทางการขนส่งสินค้า ยกระดับการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปยังภูมิภาคและเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในระยะต่อไปจะสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพื่อรองรับทั้งการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม การขนส่งต่างๆ ตามแนวเส้นทาง เกิดงานและอาชีพอีกจำนวนมากตามมาโดยปัจจุบันโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน อยู่ระหว่างการพัฒนา ระยะที่ 1 (กรุงเทพฯ -นครราชสีมา) ระยะทาง 250.77 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2569 มีคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-ลาว และจีน รวมถึงคณะของกระทรวงคมนาคม ติดตามความคืบหน้าโครงการและรายงานให้รัฐบาลรับทราบอย่างต่อเนื่อง

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. ฟิทช์ปรับลดแนวโน้มเครดิตอังกฤษสู่เชิงลบ กังวลรัฐบาลขาดดุลงบประมาณเพิ่ม (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2565)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า ได้มีการปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" ในวันพุธ (5 ตุลาคม 2565) โดยระบุว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของรัฐบาลมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของอังกฤษปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ฟิทช์ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษไว้ที่ AA- ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดระดับที่ 4 ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษประกาศมาตรการกระตุ้นด้านการคลังครั้งใหญ่โดยไม่มีมาตรการใดๆ ชดเชย และไม่มีการประเมินอย่างเป็นอิสระต่อผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจมหภาคและการคลังสาธารณะ (Public Finance) นอกจากนี้ อังกฤษยังขาดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายด้านการเงินและการคลังเมื่อพิจารณาจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงมากในขณะนี้ โดยฟิทช์มองว่า ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดการเงินและความน่าเชื่อถือที่มีต่อกรอบการดำเนินนโยบายของอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ทางด้านสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA ของอังกฤษลงสู่ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากวิตกว่า แผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ของนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรี จะทำให้หนี้สินของอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)