ข่าวประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2566

ข่าวในประเทศ

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์

 

1. กระเป๋าไทยใช้สิทธิ GSP ส่งออกสหรัฐฯพุ่ง 48.91% (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2566)

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถิติการใช้สิทธิประโยชน์ สำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ที่ไทยได้รับในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช(CIS) ในช่วง 4 เดือนแรกปี 2566 มีมูลค่ารวม 1,150.40 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ GSP สูงถึง 53.52% และตลาดที่ไทยมีการใช้สิทธิ GSP ส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ สหรัฐ มีมูลค่า 1,064.39 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 92.52% ของมูลค่าการส่งออกรวมที่ใช้สิทธิ GSP สำหรับการใช้สิทธิ GSP ในการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ แม้สินค้าที่ครองแชมป์อันดับ 1 ยังคงเป็นส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ แต่สินค้าที่มีความโดดเด่นและมีอัตราการเติบโตได้ดีจากการเปิดประเทศในหลายๆ ภูมิภาคหลังจากการฟื้นตัวโควิด-19 ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศกลับมาคึกคักมากขึ้น คือ สินค้ากลุ่มกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋าเดินทาง รวมถึงกระเป๋าต่างๆ เช่น กระเป๋านักบริหาร กระเป๋าเอกสาร กระเป๋านักเรียน เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม สินค้ากระเป๋ามีมูลค่าใช้สิทธิ GSP อยู่ที่ 40.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 48.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสหรัฐฯมีการนำเข้ากระเป๋าจากไทยมากเป็นลำดับ 2 รองจากจีน คิดเป็นสัดส่วนการนำเข้า 15.10% ของการนำเข้าจากทั่วโลก ทั้งนี้การนำเข้าโดยใช้สิทธิ GSP ทำให้ไทยได้รับการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จากเดิม 20% (MFN Rate) เหลือ 0% ส่วนสินค้ามีมูลค่าการใช้สิทธิ GSP ของสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ และกลุ่ม CIS สูง อาทิ เพชรพลอยรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่าอื่นๆ (สวิตเซอร์แลนด์) ข้าวโพดหวาน (นอร์เวย์) อาหารปรุงแต่ง (นอร์เวย์) เป็นต้น

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย

ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT

 

2. GIT ชี้ พ.ค. ส่งออกอัญมณีฟื้น 'เครื่องประดับรักษ์โลก' ฮิต (ที่มา: ไทยโพสต์, ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2566)

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ เดือนพฤษภาคม 2566 มีมูลค่า 794.16 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.87% กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากชะลอตัวลงในช่วงเดือนมีนาคม และเมษายน ซึ่งรวม 5 เดือน (มกราคม – พฤษภาคม 2566) การส่งออกไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 3,461.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5.24% สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ พบว่า มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง อาทิ ฮ่องกง เพิ่ม 143.29%, ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 5.40%, อิตาลี เพิ่มขึ้น 49.16% ส่วนสหรัฐ ลดลง 6.70%, เยอรมนี ลดลง 17.06%, สหราชอาณาจักร ลดลง 18.82% ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญ ที่เพิ่มขึ้น อาทิ เครื่องประดับทอง เพิ่มขึ้น 33.95%, เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่มขึ้น 34.48%, พลอยก้อน เพิ่มขึ้น 25.86% ส่วนเครื่องประดับเงิน ลดลง 18.65%, เพชรเจียระไน ลดลง 35.49% เป็นต้น ทั้งนี้ แนวโน้มการส่งออกจากนี้ไป ยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐ ยูโรโซนได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานและเงินเฟ้อ จีนที่เปิดประเทศแล้ว แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังชะลอและฟื้นช้า ญี่ปุ่นที่ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่มีเพียงยอดค้าปลีกที่เติบโตแต่อุตสาหกรรมยังหดตัว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมการบริโภคในตลาดสำคัญทั่วโลกยังไม่แน่นอน แต่จากการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติของผู้คนทั่วโลก ทำให้การบริโภคเครื่องประดับที่เข้ากับแฟชั่นยังเติบโตได้ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนเป็นสินค้ารักษ์โลก ซึ่งจากการสำรวจของ PwC พบว่า ผู้บริโภคยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นราว 5% สำหรับสินค้าดังกล่าว รวมถึงช่องทางออนไลน์ยังเป็นช่องทางสำคัญในการค้นหาสินค้า

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล

ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟตโก้)

 

3. 'กอบศักดิ์' แนะรัฐบาลใหม่เร่งเดินหน้าอีอีซีดึงเชื่อมั่น (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2566)

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟตโก้) เปิดเผยว่า โครงการที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการนอกจากนโยบายและมาตรฐานการส่งเสริมให้มีการดึงดูดลงทุนที่มีอยู่แล้ว คือ โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 รวมทั้งโครงการสนามบินและเมืองการบินอู่ตะเภา หากขับเคลื่อนโครงการที่อยู่ในพื้นที่ อีอีซีให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจและนักลงทุนได้ว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนรอบใหม่ ขณะที่อีกโครงการหนึ่งที่เป็นเมกะโปรเจกต์ที่รัฐบาลใหม่ควรเข้ามาผลักดันให้เกิดขึ้น คือ โครงการท่าเรือฝั่งตะวันตกหรือเวสเทิร์น พอร์ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งทางเรือของไทยไปยังประเทศขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านทิศตะวันตก เช่น อินเดีย

 

อย่างไรก็ตาม จากความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ รวมทั้งสงครามที่เกิดขึ้นในยุโรประหว่างรัสเซียและยูเครน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์หลายพื้นที่ในโลก ทำให้เกิดกระแสการเคลื่อนย้ายการลงทุนมายังภูมิภาคอาเซียนในหลายอุตสาหกรรม โดยเป้าหมายการลงทุน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศไทย ซึ่งการดึงดูดอุตสาหกรรมสำคัญๆ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะ 5 ปีข้างหน้าหากไทยไม่รีบดึงอุตสาหกรรมมาตั้งฐานการผลิตได้ในช่วงนี้จะทำให้ตกขบวนในการแข่งขันในภูมิภาค

 

ข่าวต่างประเทศ

A flag with a star

Description automatically generated

 

4. จีนลดค่าธรรมเนียมการจัดการของกองทุนรวมหุ้น หวังกระตุ้นการซื้อขายในตลาด (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2566)

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศลดค่าธรรมเนียมการจัดการ (management fees) และค่าธรรมเนียมการรับฝากสินทรัพย์ (custodian fee) ของกองทุนรวมหุ้น (stock mutual fund) ลงสู่ระดับ 1.2% และ 0.2% ตามลำดับ ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการซื้อขายในตลาดหุ้นจีน หลังจากการระดมเงินทุนใหม่ๆ ในตลาดหุ้นจีนชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างมาก นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจจีนอ่อนแอลงยังส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น จากเดิมที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลอยู่แล้วจากภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นและผลตอบแทนในตลาดหุ้นที่อ่อนแอลง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสมาคมบริหารสินทรัพย์ของจีนบ่งชี้ว่า สินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนรวมหุ้นในจีน ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 อยู่ที่ 27.77 ล้านล้านหยวน (3.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทั้งนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนอ่อนแอลงเนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมทั้งมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยล่าสุดรัฐบาลจีนออกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะกัลเลียม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) ซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่สหรัฐเตรียมออกมาตรการควบคุมไม่ให้บริษัทของจีนสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์คอมพิวติง (cloud-computing) ของสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการดังกล่าวของจีน

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)