ข่าวประจำวันที่ 29 กันยายน 2566

ข่าวในประเทศ

A person in a pink dress

Description automatically generated

นางวรวรรณ ชิตอรุณ

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

 

1. ดัชนีการผลิตภาคอุตฯ ยังแย่เหตุส่งออกทรุดหลังศก.คู่ค้าอ่อนแอ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 29 กันยายน 2566)

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในปี 2566 คาดว่า จะลดลง 2.8-3.8% ส่วนการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะลดลง 1.5-2.5% โดย MPI เดือนสิงหาคม ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 91.85 ลดลง 7.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 ลดลงเฉลี่ย 4.95% ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 58.18% และช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่เฉลี่ย 60.09% เป็นผลจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า ที่อ่อนแอโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรปทำให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมลดลง รวมถึงเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อ ต้นทุนทางการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการ เพิ่มขึ้น ขณะที่สภาพอากาศที่แปรปรวนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรและรายได้ของเกษตรกรลดลง กดดันกำลังซื้อในส่วนภูมิภาค อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยสนับสนุนการบริโภคในประเทศ รวมถึงอัตรา เงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง โดยเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 0.88 ทั้งนี้การเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือนกันยายน 2566 ส่งสัญญาณเฝ้าระวังในช่วงขาลงจากปัจจัยภายในประเทศชะลอตัวตามการลงทุน และปริมาณนำเข้าสินค้า โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชนของไทยหดตัวมากขึ้น เป็นผลจากการหดตัวของการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ และยอดจดทะเบียนยานยนต์ใหม่ ในประเทศที่ปรับลดต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม ด้าน ดัชนีปริมาณสินค้านำเข้าของไทยมีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้น จากการนำเข้าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของไทย 3 เดือนข้างหน้ายังชะลอตัว จากการเผชิญกับภาวะต้นทุนที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนความเชื่อมั่นในภาคการผลิต ได้รับผลกระทบ จากอุปสงค์โลกที่ชะลอลงและสินค้าคงคลังของประเทศคู่ค้าสำคัญยังอยู่ในระดับสูงและดัชนีภาคอุตสาหกรรม 3 เดือนข้างหน้า ชะลอตัวจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อการส่งออกไทย อีกทั้งผู้ประกอบการยังกังวล เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจส่งผลกระทบ ต่อต้นทุนการผลิต เช่น การปรับขึ้นค่าจ้าง ขั้นต่ำ และนโยบายด้านพลังงาน เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตในเดือนสิงหาคม 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ น้ำตาล ขยายตัว 40.51% ปุ๋ยเคมีและสารประกอบไนโตรเจนขยายตัว 29.52% ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัว 1.5% เส้นใยประดิษฐ์ ขยายตัว 26.32% ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ ขยายตัว 3.58%

 

A person in a suit with his arms crossed

Description automatically generated

นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์

ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า

 

2. ดีป้าผนึกกำลังพันธมิตร ปั้นศูนย์ออกแบบและทดสอบ 5G (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 29 กันยายน 2566)

นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G ทั้งในภาคการผลิต การแพทย์ การศึกษา การเกษตร การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือแม้แต่การอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมจาก 5G และการนำนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาต่อยอดประยุกต์ใช้จริงเพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันของภาคธุรกิจ โดยที่ผ่านมา ดีป้า มุ่งสร้างเครือข่ายพันธมิตรและยกระดับระบบนิเวศเทคโนโลยี 5G ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมบูรณาการการทำงานเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้วยเครือข่าย 5G รองรับภาคการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม การบริการ ภาคการเกษตร การพัฒนาสังคมและเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการส่งเสริมและสนับสนุน ดีป้า มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการพัฒนาศูนย์ออกแบบและทดสอบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี 5G (5G Solution Development and Application Center) จาก สถาบันไทยเยอรมัน (TGI) ภายใต้มาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งศูนย์ออกแบบและทดสอบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี 5G จะตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยโครงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยเครือข่าย 5G เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ออกแบบและทดสอบการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี 5G จะเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม มีการให้คำปรึกษาและเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิต SI ตลอดจนนักศึกษา และผู้ที่สนใจมาใช้บริการพัฒนาและทดสอบทดลอง 5G Solution เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายจุฬา สุขมานพ

เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

 

3. EEC ผนึกภาคีภาครัฐ-เอกชนนำร่องใช้รถไฟฟ้าปีนี้ 100 คัน (ที่มา: ข่าวหุ้น, ประจำวันที่ 29 กันยายน 2566)

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เปิดเผยว่า EEC ร่วมกับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, สมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (อาร์อี 100) และมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในระบบขนส่งสาธารณะและรถรับ-ส่งพนักงานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยการลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือสำคัญจากภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการลงทุนในเศรษฐกิจ BCG ผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม ดึงดูดการลงทุนนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในพื้นที่ EEC ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายให้เป็นฐานการผลิต EV แห่งภูมิภาค โดยภายใต้กรอบข้อตกลงดังกล่าว จะส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนส่งสาธารณะและการรับ-ส่งพนักงานให้แพร่หลาย ประชาชนในพื้นที่ EEC สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ผลักดันให้เกิดการผลิต และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด สอดคล้องกับเป้าหมายพัฒนาพื้นที่ EEC ในภาพรวมให้เป็นพื้นที่ Net Zero Carbon Emission โดยการลงทุนใหม่ในพื้นที่ต้องมีการนำแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียวมาสนับสนุนการผลิต สร้างการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้ EEC จะเชื่อมโยงความร่วมมือและพัฒนากลไกการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ โดยทุกฝ่ายจะร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี การถ่ายทอดองค์ความรู้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า รวมไปถึงขยายผลสร้างมูลค่าเพิ่มโครงการฯ โดย EEC จะร่วมขับเคลื่อนพัฒนาระบบนิเวศจูงใจให้เกิดการลงทุน เช่น เรื่องสิทธิประโยชน์รูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษี การอำนวยความสะดวกเพิ่มความรวดเร็วในการอนุมัติอนุญาตที่ EEC สามารถออกใบอนุญาตแทนหน่วยงานต่างๆ ได้ถึง 44 ใบอนุญาต คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งจากความร่วมมือครั้งนี้ เป็นกิจกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายสำหรับคลัสเตอร์ EV และคลัสเตอร์ BCG (ในกลุ่มพลังงานสะอาด)

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกรรมการมูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน กล่าวว่า โครงการนำร่องเพื่อเป็นต้นแบบการใช้รถโดยสารไฟฟ้า สำหรับขนส่งสาธารณะและรับ-ส่งพนักงานสำหรับประชาชน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในพื้นที่ EEC คาดว่าในปี 2566 จะเกิดรถโดยสารไฟฟ้าอย่างน้อย 100 คัน พร้อมสถานีชาร์จช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 5,000 ตันต่อปี เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และพัฒนาวัตถุดิบสินค้าในประเทศ (local content) เพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 60% สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศมากกว่า 360 ล้านบาท และมีเป้าหมายของโครงการ ฯ ในระยะ 5 ปี จะสามารถเพิ่มรถโดยสารไฟฟ้า 6,000 คัน

 

ข่าวต่างประเทศ

A flag and flag of china

Description automatically generated

 

4. ผลักดันศูนย์ส่งเสริมการค้าไทย-จีนโคราช (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 29 กันยายน 2566)

Mr.YueHui Guan (แหย่ ฮ่วย กวาน) ประธานนิคมอุตสาหกรรมเขตเศรษฐกิจพิเศษมณฑลไห่หนาน และ Mr.Shuyu Hu (นายซูหยู๋ หู) รองประธานนิคมอุตสาหกรรมฯ พร้อมคณะ เปิดเผยว่า ได้มาตรวจเยี่ยมแหล่งผลิตสินค้าจากผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน กลุ่มผลิตน้ำพริกแม่ทองคำ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปประเภทน้ำพริก เช่น น้ำพริกเผาปลาแซลมอน น้ำพริกเผากุ้งสด น้ำพริกเผาปลาทู น้ำพริกกุ้งเสียบสามรสฯลฯ โดยคัดสรรวัตถุดิบเครื่องเทศจากเกษตรกรที่มีการเพาะปลูกแบบเกษตรปลอดสารพิษ นอกจากนี้ ยังเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์หมี่โคราชและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอื่นๆ เช่น ผัดไทย เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ฯลฯ ทั้งสำรวจสินค้าในตลาดโคราช อาทิ โรงงาน 505 โภคภัณฑ์ ที่ผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่โคราช ลูกชิ้นเนื้อหมู ลูกชิ้นเนื้อวัว ลูกชิ้นปลาฯลฯ ผลิตภัณฑ์อาหารจาก ห.จ.ก.หนุ่มร้อยแรงที่มีสินค้ามากกว่า 1,000 รายการ

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีประชุมร่วมกับหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ถึงแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการนำสินค้าส่งออกสู่ผู้บริโภคชาวจีน โดยปักหมุดเตรียมพร้อมตั้งศูนย์ส่งเสริมการค้าไทย-จีน ที่จังหวัดนครราชสีมา ผลักดันสินค้าไทยสู่ระดับสากลต่อไป

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)