ข่าวในประเทศ
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
1. เครื่องสำอาง-ร้านอาหาร มีโอกาสขยายตลาดทำเงินในไต้หวัน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 11 มกราคม 2567)
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่องล่าสุดได้รับรายงานจาก นางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ถึงแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคของชาวไต้หวันในปี 2566 แนวโน้มในปี 2567 และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าและบริการของไทยเข้าสู่ตลาดไต้หวัน โดยทูตพาณิชย์ ได้รายงานข้อมูลว่า iSURVEY บริษัทด้านการสำรวจตลาดชื่อดังของไต้หวัน ได้ประกาศผลการสำรวจแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคของชาวไต้หวันในปี 2567 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริโภคชาวไต้หวันใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการรับประทานอาหารนอกบ้าน และรู้สึกชินชากับภาวะเงินเฟ้อ จนทำให้เกิดการบริโภคในแบบไม่คิดอะไรมากและยอมจับจ่ายเพื่อซื้อความสุขให้กับตัวเอง และผู้บริโภคชาวไต้หวันยังมีการใช้จ่ายเพื่อการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ออกกำลังกายที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และคาดว่าพฤติกรรมการบริโภคในลักษณะนี้ จะยังคงต่อเนื่องไปในปี 2567 นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่าผู้บริโภคชาวไต้หวัน มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเพื่อความงามของตัวเองมากขึ้น โดย iSURVEY เห็นว่า หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเวลาประมาณ 3 ปี ในปีนี้ผู้บริโภคได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติในการพบปะสังสรรค์มากขึ้น จนแทบไม่มีการรักษาระยะห่างทางสังคมอีกต่อไป ส่งผลให้การใช้จ่ายเพื่อความงดงามส่วนบุคคลกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2566 ผู้บริโภคใช้จ่ายเงินในการซื้อเครื่องสำอางโดยเฉลี่ย คิดเป็นมูลค่า 1,145 บาทต่อเดือน เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2565 ที่มีมูลค่า 1,096 บาทต่อเดือน และการออกกำลังกายและกิจกรรมสันทนาการกลางแจ้งก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายหรือการแคมป์ปิ้ง
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคไต้หวัน ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับสินค้าและบริการของไทยที่มีศักยภาพในตลาดไต้หวัน ทั้งในส่วนของสินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยสินค้าแบรนด์ไทยในไต้หวันกำลังเริ่มได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไต้หวันมากขึ้น โดยมีแบรนด์ไทยเข้ามาวางจำหน่ายทาง Modern Trade ในไต้หวันประเภทร้าน Chain Store ยาและเครื่องสำอาง เช่น POYA, Cosmed, Watsons เป็นต้น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ รวมถึงร้านอาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคไต้หวัน โดยมีแบรนด์ เช่น ร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงในไต้หวัน ทั้งในส่วนที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นของไต้หวัน เช่น Thai Town, Siam More หรือ A Do รวมไปจนถึง Chain ร้านอาหารจากไทย เช่น Nara ส้มตำเด้อ หรือบ้านผัดไทย เป็นต้น
นายอดิทัต วะสีนนท์
อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
2. โล่ง! เลื่อนตัดสินคิงส์เกต (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 11 มกราคม 2567)
นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เปิดเผยถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทย กับ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นบมจ.อัครา รีซอร์สเซสว่า คณะอนุญาโตตุลาการได้เลื่อนการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินออกไปอีก 6 เดือนจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 จากเดิมสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566 ตามที่ทั้งสองฝ่ายร้องขอ ซึ่งเป็นกรอบระยะเวลาที่เชื่อว่าจะสามารถเจรจาให้ข้อพิพาทยุติลงได้ และอีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายมากกว่า สำหรับการกลับมาประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำอีกครั้งของบมจ.อัครา รีซอร์สเซส ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น เป็นผลจากบริษัท อัคราฯ ได้เริ่มกลับมาดำเนินการคำขอต่างๆ โดยเฉพาะคำขอ ต่ออายุประทานบัตรในพื้นที่เดิม และใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ค้างอยู่ ตั้งแต่ปี 2563 ให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยแร่และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายทองคำที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัท อัคราฯ ได้กลับมาประกอบการอีกครั้ง ได้มีการติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายใต้รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สำหรับการทำเหมืองแร่ และ อีเอชไอเอ สำหรับการประกอบโลหกรรมอย่างเคร่งครัด และได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบควบคุมและเฝ้าระวังการทำเหมืองแร่ทองคำ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีข่าวเรื่องการสั่งฟ้องเหมืองทองอัคราฯ ในความผิดฐานยึดที่ดินรัฐ-ครอบครองป่าสร้างตะแกรงรุกทางหลวงนั้น เห็นว่าเป็นกระบวนการตามกฎหมายอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ไม่เคยแทรกแซงและไม่สามารถก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ การดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายของไทยในกรณีดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือกระบวนการอนุญาโตตุลาการ รวมทั้งคณะอนุญาโตตุลาการยังไม่ได้มีการออกคำชี้ขาดหรือคำตัดสินแต่อย่างใด
นายสนั่น อังอุบลกุล
ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
3. จับตาจีพีดีปี 67 โต 3.3% หวังนโยบายรัฐกระตุ้น (ที่มา: ทันหุ้น, ประจำวันที่ 11 มกราคม 2567)
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ซึ่งประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย หรือ กกร. คาดแนวโน้มการเติบเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2567 จะขยายตัวได้ในกรอบเดิมที่ 2.8-3.3% โดยมีแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ Easy E-Receipt และการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 33-34 ล้านคน อีกทั้งด้านเงินเฟ้อลดลงอย่าง ต่อเนื่อง ผลจากนโยบายลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ส่งผลให้ประมาณการเงินเฟ้อปรับลดลงพร้อมแนะรัฐควรตั้งกองทุนสนับสนุนสินเชื่อ หวังช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอี ขณะที่มองว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ตามศักยภาพ แต่ศักยภาพมีแนวโน้มด้อยลง และยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึงในรูปแบบ K-Shape ยังมีบางกลุ่มที่รายได้ไม่ฟื้นตัวและมีกำลังซื้ออ่อนแอ จึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในระดับกลางและระดับล่าง ทั้งนี้รัฐบาลควรเร่งเบิกจ่ายงบประมาณโดยในระหว่างรองบประมาณปี 2567 ภาคเอกชนเห็นว่าควรจัดทำมาตรการ เสริมกระตุ้นเศรษฐกิจ และควรมีการหารือกับรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการนำงบประมาณลงทุนที่แต่ละหน่วยงานมีอยู่แล้วเร่งใช้งานเพิ่มสภาพคล่องเพิ่มเติม เพื่อให้เศรษฐกิจ เดินหน้าต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในแง่โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ของรัฐบาล รวมวงเงินประมาณ 5 แสนล้านบาท เพื่อเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนที่สำคัญนั้นหากเกิดขึ้นจริงถือเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งน่าจะช่วยผลักดันให้ GDP ขยายตัวเพิ่มเติมอีกราว 1% (จากประมาณการเดิมของกกร.ในปี 2567) สำหรับเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนมากขึ้นจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามอิสราเอล และกลุ่มฮามาส ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้นำไปสู่การโจมตีเรือสินค้าในบริเวณคลองสุเอซ และทะเลแดง ทำให้ค่าระวางเรือ เพิ่มสูงขึ้นกดดันต้นทุนการผลิต ขณะที่สงครามรัสเซียและยูเครนยังไม่ยุติลง รวมถึงความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในหลายประเทศปีนี้ เช่น การเลือกตั้ง ปธน. ไต้หวัน รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา ปัจจัยความไม่แน่นอนเหล่านี้ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะชะลอตัว และทำให้ต้องติดตามผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยที่พึ่งพาตลาดยุโรป ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจัยเหล่าล้วนเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม เพราะมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในไทยแทบทั้งสิ้น
ข่าวต่างประเทศ
4. แบงก์ชาติเกาหลีใต้คงดอกเบี้ยครั้งที่ 8 ติดต่อกันวันนี้ ขณะเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อชะลอตัว (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 11 มกราคม 2567)
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุม 8 ครั้งติดต่อกัน และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งได้มีการลงมติคงอัตราดอกเบี้ยของ BOK ในวันนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้ฟื้นตัวอย่างอ่อนแอ และเงินเฟ้อชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการส่งออกของเกาหลีใต้ฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงซบเซา ทั้งนี้ ยอดการส่งออกของเกาหลีใต้ปรับตัวลง 7.4% ในปี 2565 เนื่องจากการส่งออกชิปชะลอตัวลงและเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่ในเดือนธันวาคม 2566 ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ดีดตัวขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
อย่างไรก็ตาม ทาง BOK มีมติคงอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อเดือนที่แล้วมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกัน
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)