ข่าวในประเทศ
นายจุลพงษ์ ทวีศรี
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)
1. กรอ.ชูเศรษฐกิจหมุนเวียน ดัน 7 อุตสาหกรรมรองรับ (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 19 มกราคม 2567)
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ร่วมหาโจทย์ที่ใช่เพื่อนำงานวิจัยไปใช้ จัดโดย แผนงานกลุ่มเศรษฐกิจหมุนเวียน หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เพื่อให้เกิดการพัฒนาโจทย์วิจัยทางด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ควรเร่งผลักดัน ใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมกากอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมยาง กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ ตลอดจนการพัฒนาปัจจัย เกื้อหนุนเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน อาทิ ข้อมูลฐาน, ตัวชี้วัด, มาตรฐาน, ระบบรับรอง, การทดสอบ, นโยบาย มาตรการ และกฎระเบียบ
อย่างไรก็ตาม ได้ระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองสำหรับพัฒนาโจทย์วิจัยด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เกี่ยวกับกากอุตสาหกรรมในมุมมองของผู้แทนภาครัฐ และรับฟังมุมมองความคิดเห็นจากผู้แทนกลุ่มนักวิจัย นักวิชาการ และภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานวิจัยที่ตอบโจทย์ทุกฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกลไกในการพัฒนาและเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นการบริโภคอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการใช้ทรัพยากรใหม่ ตลอดจนยกระดับการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม
นายภาสกร ชัยรัตน์
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม
2. ดีพร้อมกางแผนปลุกศก. 2 หมื่นล. (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 19 มกราคม 2567)
นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม เปิดเผยถึงทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในปี 2567 ว่าไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ภาวะโลกเดือด ภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ และเมื่อโลกเปลี่ยนอุตสาหกรรมและ ผู้ประกอบการก็ต้องมีการปรับเพื่อให้พร้อมรับกับอนาคต ดังนั้น กรมจะเดินหน้าส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) วิสาหกิจชุมชน ผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล สร้างมูลค่าเพิ่มและประสิทธิภาพกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้กำชับให้ดีพร้อมส่งเสริมและพัฒนาอย่างเต็มที่ สำหรับนโยบายสำคัญของปี 2567 คือ RESHAPE THE FUTURE ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ดังนี้ 1. ปรับตัวให้ก้าวทันเศรษฐกิจยุคใหม่ (RESHAPE THE ECONOMY) ผ่านการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DIGITAL TRANSFORMATION) 2.ปรับเปลี่ยนการพัฒนาเชิงพื้นที่ (RESHAPE THE AREA) ผ่านการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้แก่ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ และ 3. ปรับเพิ่มการเข้าถึงโอกาส (RESHAPE THE ACCESSIBILITY) ผ่านการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตั้งเป้าหมายการส่งเสริมและพัฒนายกระดับผู้ประกอบการกว่า 18,400 ราย คาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ภายใต้งบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท และล่าสุดรัฐบาลเตรียมจัดงบประมาณให้อีก 800 ล้านบาท แบ่งเป็น ซอฟต์เพาเวอร์ 700 ล้านบาท แยกเป็นอาหาร 600 ล้านบาท แฟชั่น 100 ล้าน และบีซีจีอีก 100 ล้านบาท ดังนั้น ด้วยงบประมาณที่เพิ่มเป็นเกือบ 2,000 ล้านบาท น่าจะ ทำให้มูลค่าเศรษฐกิจเพิ่มถึง 20,000 ล้านบาทได้
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
3. เฮ!ไทยขึ้นเบอร์ 3 ของโลก พบแร่หลักผลิตแบตฯ EV (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 19 มกราคม 2567)
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เร่งสำรวจจนพบแหล่งแร่ลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม ล่าสุด ไทยยังค้นพบแหล่งแร่โซเดียมในพื้นที่ภาคอีสาน ปริมาณสำรองอีกจำนวนมาก ซึ่งแร่ทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นแร่หลักหรือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100% เสริมศักยภาพความพร้อมของไทยในการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลาง และฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV ในภูมิภาค ทั้งนี้ จากปีก่อนหน้าที่เป็นข่าวใหญ่ว่า อินเดียค้นพบแร่ลิเทียม และกลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และ EV นั้น ตอนนี้ไทยก็มีลุ้นเช่นกัน ซึ่งจากข้อมูลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ระบุว่า ไทยสำรวจพบ (Resources) แร่ลิเทียม กว่า 14,800,000 ล้านตัน (Million Tonne: Mt) ซึ่งส่งผลให้ไทยเป็นประเทศ ที่ค้นพบแร่ดังกล่าวมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากโบลิเวีย และอาร์เจนตินา
อย่างไรก็ตาม การค้นพบแร่ศักยภาพลิเทียม-โซเดียม นี้ถือเป็นทั้งข่าวดี และเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองแร่ลิเทียมมากที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงาน ท่ามกลางการแข่งขันของนานาประเทศ เพื่อให้ไทยมุ่งสู่การเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาค
ข่าวต่างประเทศ
4. ยอดขายรถยนต์ในยุโรปร่วง 3.8% ในเดือนธ.ค. เซ่นอุปสงค์ EV ซบเซา (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 19 มกราคม 2567)
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยรายงานว่า บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปเตรียมพร้อมรับมือกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงในปีนี้ หลังจากยอดขายรถยนต์ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือน ในเดือนธันวาคม 2566 เนื่องจากกระแสความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซาลง ทั้งนี้ สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) กล่าวว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ลดลง 3.8% สู่ระดับ 1.05 ล้านคัน ในเดือนธันวาคม 2566 โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่างเยอรมนี มียอดขายลดลงเกือบ 25% หลังจากมาตรการจูงใจสำหรับยานยนต์ EV สิ้นสุดลง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก และบดบังการเติบโตในประเทศสำคัญอื่นๆ ซึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์กำลังเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง เศรษฐกิจที่ชะลอตัวในบางส่วนของยุโรป และแนวโน้มเชิงลบเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางด้านบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ คาดการณ์ว่า การเติบโตของยอดขายรถยนต์ในปีนี้จะชะลอตัวลงเหลือ 5% จากระดับ 14% ในปี 2566 ในขณะที่นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ชี้ว่า การชะลอตัวนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันต่อราคารถยนต์และลดผลตอบแทนแก่ผู้ผลิตรถยนต์ โดยความต้องการอยากซื้อยานยนต์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคกำลังจางหายไป คาดว่าตัวแทนจำหน่ายและผู้ผลิตรถยนต์จะเผชิญกับผลกระทบอย่างเต็มที่ อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ซบเซาที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)