ข่าวประจำวันที่ 28 มีนาคม 2567

ข่าวในประเทศ

A person in a suit sitting in a chair

Description automatically generated

นายภูมิธรรม เวชยชัย

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

1. พาณิชย์ชวนนักลงทุนฟินแลนด์ ใช้ไทยเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชีย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2567)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายบิลเล ตาบีโอ รัฐมนตรีด้านการค้าต่างประเทศและการพัฒนา กระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ ที่กระทรวงพาณิชย์ว่า ไทยและฟินแลนด์ เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญและมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันมาเป็นเวลานานกว่า 70 ปี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ของไทยพร้อมร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนของฟินแลนด์ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งการหารือครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายย้ำว่าให้ความสำคัญอย่างมากกับการเจรจา FTA ไทยสหภาพยุโรป (อียู) โดยไทยยืนยันว่าเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ต้องการเร่งรัดการเจรจาให้สำเร็จโดยเร็ว เพราะจะเป็นประโยชน์กับทั้งไทยและอียู และประเทศสมาชิกอียู 27 ประเทศ รวมถึงฟินแลนด์ที่จะขยายโอกาสทางการค้า ทั้งสินค้าและบริการ ตลอดจนการลงทุนระหว่างกัน สำหรับการเจรจา FTA ไทย-อียู จัดประชุมไปแล้วสองรอบ ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2567 มีความคืบหน้าที่ดีตามลำดับ กำหนดนัดเจรจารอบต่อไปในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 โดยฟินแลนด์ยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อสรุปผลการเจรจา FTA ได้สำเร็จภายใน 2 ปี ตามเป้าหมายที่กำหนด ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งฟินแลนด์ว่ารัฐบาลไทยอยู่ระหว่างขับเคลื่อนนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งไม่ว่าทางบก น้ำ ราง และอากาศ จึงเชิญชวนให้ฟินแลนด์รวมทั้งประเทศสมาชิกอียู เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีขั้นสูงที่อียูมีความเชี่ยวชาญ เพื่อประโยชน์ร่วมกันและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวและมีเสถียรภาพซึ่งนักลงทุนจากฟินแลนด์สามารถใช้ไทยเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคเอเชียด้วย นอกจากนี้ยังได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับฟินแลนด์ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าตลอดจนสอดรับกับการค้ายุคใหม่ โดยคำนึงถึงการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน การรักษาสิ่งแวดล้อม มาตรฐานแรงงานที่ดี รวมถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และเสรีภาพของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ฟินแลนด์ เป็นคู่ค้าอันดับ 14 ของไทยในยุโรป การค้ารวมมีมูลค่า 572.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปฟินแลนด์ 143.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้าจากฟินแลนด์ 429.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการค้ารวมไทย-อียู มูลค่า 41,582.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทย ส่งออกไปอียู 21,838.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากอียู 19,743.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการลงทุนของไทยในอียูในช่วงมกราคมกันยายน 2566 มีมูลค่า 3,173.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีการลงทุนสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ และการลงทุนของอียูในไทย ในช่วงเดียวกัน มีมูลค่า 2,745.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีการลงทุนสำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และยา ธุรกิจ นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจบัญชี ธุรกิจขนส่ง และธุรกิจการเงิน

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)

 

2. ส่งออกสินค้าเกษตรไทยขยายตัวเกินดุลกว่า 5 แสนล้าน (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2567)

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลกในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 2.372 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.13 จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 2.375 ล้านล้านบาท โดยไทยยังเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 9.51 แสนล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะประเทศคู่เจรจาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี อินเดีย ฮ่องกง (ไม่รวมประเทศสมาชิกอาเซียน) พบว่า ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ภาพรวมการค้าสินค้าเกษตรของไทยกับคู่เจรจาทั้ง 9 ประเทศ มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 3.25 หรือคิดเป็นมูลค่า 1.01 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร 7.70 แสนล้านบาท และมูลค่านำเข้า 2.40 แสนล้านบาท ส่งผลให้ไทยได้เปรียบดุลการค้าสินค้าเกษตรกับประเทศคู่เจรจาทั้ง 9 ประเทศดังกล่าวข้างต้น 5.29 แสนล้านบาท โดยตลาดส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และออสเตรเลีย สำหรับสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกสูงสุด   5 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรียน (1.39 แสนล้านบาท) ไก่ปรุงแต่ง (5.32 หมื่นล้านบาท) ยางธรรมชาติ (4.91 หมื่นล้านบาท) มันสำปะหลัง (3.99 หมื่นล้านบาท) ชิ้นเนื้อและเครื่องในที่บริโภคได้ของไก่แช่แข็ง (3.61 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายประเทศคู่ค้า FTA ของไทย มูลค่าการค้าและอัตราการเจริญเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่า จีน ยังคงเป็นตลาดที่ไทยส่งออกสินค้าเกษตรมากที่สุด โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.49 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.60 ส่วนคู่ค้า FTA ประเทศอื่นๆ ที่ไทยส่งออกสินค้าเกษตรได้เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ได้แก่ นิวซีแลนด์ มีมูลค่า 7.39 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.18 ชิลี มีมูลค่า 2.42 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.75 และ เปรู มีมูลค่า 1.79 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.98

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศคู่เจรจาที่ไทยส่งออกสินค้าเกษตรได้ลดลง ได้แก่ ญี่ปุ่น ส่งออกลดลงร้อยละ 5.31 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ไก่ปรุงแต่ง (4.72 หมื่นล้านบาท) เกาหลีใต้ ส่งออกลดลงร้อยละ 8.47 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำตาลที่ได้จากอ้อย (1.00 หมื่นล้านบาท) อินเดีย ส่งออกลดลงร้อยละ 22.49 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปาล์มดิบ (2.44 หมื่นล้านบาท) ออสเตรเลีย ส่งออกลดลงร้อยละ 7.02 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ปลาทูน่ากระป๋อง (5.96 พันล้านบาท) ฮ่องกง ส่งออกลดลงร้อยละ 8.54 โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว (4.82 พันล้านบาท)

 

A person in a white dress

Description automatically generated

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์

ผู้แทนการค้าไทย

 

3. ผู้แทนการค้าไทยแจ้งข่าวดีเอกชนเกาหลีใต้จ่อลงทุน EEC (ที่มา: สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น., ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2567)

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับผู้แทนบริษัท Korea Land & Housing Corporation (LH) ร่วมกับนางบุปผา กวินวศิน รองผู้ว่าว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ถึงความคืบหน้าการเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกของไทยจากเกาหลีใต้ว่า บริษัท LH เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม สาธารณรัฐเกาหลี (Ministry of Land, Infrastructure, and Transport (MOLIT) ได้แสดงความประสงค์เข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC และได้ลงนามร่วมมือกับ กนอ. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในไทยในพื้นที่ EEC โดยผู้แทนการค้า กล่าวว่า ทางบริษัท LH และ กนอ. จะลงพื้นที่ (28 มีนาคม 2567) เพื่อพิจารณาการลงทุนดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดชลบุรี หรือระยอง ทั้งนี้ มีปัญหาที่ดินราคาสูงและยากต่อการหาพื้นที่จึงต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพื่อสามารถทำการตกลงความร่วมมือการลงทุนกับกนอ. และเอกชนไทย โดยได้ฝากถึงความต้องการที่จะลงทุนในไทยเพื่อสร้างผลทวีคูณทางเศรษฐกิจ หากข้อตกลงบรรลุผลจะมีบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก พร้อมทั้งต้องการที่จะสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจของไทย-เกาหลี ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัท LH ต้องการนำเอาบริษัทผลิตรถไฟฟ้าเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย และเล็งเห็นถึงความพร้อมอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรและบริษัทในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งในระยะถัดไปมีความสนใจขยายการลงทุนในไทยมากกว่าจะไปขยายเพิ่มในเวียดนาม

 

ข่าวต่างประเทศ

A red flag with yellow stars

Description automatically generated

 

4. จีนถกซีอีโอมะกันดันศก. (ที่มา: ข่าวหุ้น, ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2567)

สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้พบปะกับตัวแทนทางธุรกิจจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น สตีเฟ่น ชวาร์ซแมน จากบริษัท Blackstone และคริสเตียโน อามอน จากบริษัท Qualcomm เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจจีน รวมถึงรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ให้มั่นคงในมุมมองของผู้บริหารทั่วโลก การประชุมดังกล่าวเปรียบเหมือนโอกาสในการแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมตลาดขนาดยักษ์ของจีน โดยรัฐบาลจีนพยายามแสดงออกว่าประเทศพร้อมต้อนรับนักธุรกิจจากต่างชาติ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคง และความขัดแย้งกับบริษัทให้คำปรึกษาต่างๆ ส่งผลแง่ลบต่อความสนใจของนักลงทุน ทั้งนี้ จีนก็ได้ส่งคำร้องแก่องค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อต่อต้านกฎหมายเงินอุดหนุนรถยนต์ EV ของสหรัฐฯ และปกป้องผลประโยชน์ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของตน โดยระบุว่า เงินอุดหนุนดังกล่าวเป็นการเลือกปฏิบัติ ภายใต้กฎหมายการลดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (Inflation Reduction Act หรือ IRA) ซึ่งระบุถึงการกีดกันสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ภายใต้องค์การการค้าโลก โดยกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการอัดฉีดเงินอุดหนุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในการซื้อรถยนต์ EV รวมถึงช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ด้านการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเป้าหมายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการ   ลดการก่อเกิดก๊าซคาร์บอนของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม จีนกำลังดำเนินการทางกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีน และรักษาการแข่งขันด้านการค้าที่ยุติธรรมในตลาดโลก ทั้งนี้ จีนกำลังพยายามขยายขอบเขตเพื่อเข้าถึงนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น จากความพยายามในการบรรลุเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ 5% ต่อปี

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)