ข่าวประจำวันที่ 2 เมษายน 2567

ข่าวในประเทศ

A person sitting at a microphone

Description automatically generated

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. ก.อุตฯ ดึงสหพัฒน์ลงทุนฮาลาลดันไทยฮับ (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 2 เมษายน 2567)

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับคณะผู้บริหารบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือถึงแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ และแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล โดยประเด็นการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์นั้น ปัจจุบันรัฐบาลได้ชักชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ที่ยังมีปัญหาผังเมืองในบางจุด ซึ่งเรื่องนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปดูแลปัญหาผังเมืองในพื้นที่อีอีซี เพื่อดูว่ามีช่องทางไหนที่จะแก้ไขได้บ้าง ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการ อะไรที่มีปัญหา ก็ให้บอกมา จะได้เข้าช่วยเหลืออำนวยความสะดวก เพื่อให้เกิดการลงทุนต่อไป นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือถึงแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล ซึ่งรัฐบาลเองมีนโยบายยกระดับอุตสาหกรรมฮาลาลให้เป็นอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าการส่งออกไปยังพี่น้องชาวมุสลิมกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้วางแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาคภายในปี 2571 หรือ 5 ปี และยินดีร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ฮาลาลของไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

อย่างไรก็ตาม เวลานี้มีหน่วยงานที่ทำเรื่องฮาลาลกระจายอยู่หลายกระทรวง ทำให้ขาดแนวทางและความชัดเจน เนื่องจากต่างคนต่างทำ หากไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามากำกับดูแลก็อาจจะไม่สัมฤทธิผล จึงได้เสนอคณะ รัฐมนตรีตั้งกรมฮาลาลได้มีมติเห็นชอบมาแล้ว แต่ในช่วงแรกจะให้คณะกรรมการฮาลาลแห่งชาติช่วยกำกับดูแลและบูรณาการไปก่อน เนื่องจากการจัดตั้งกรมฮาลาลต้องใช้เวลา

 

A person sitting in a chair

Description automatically generated

นายภาสกร ชัยรัตน์

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม)

 

2. "ดีพร้อม" ดัน "โกโก้" สู่ซุปเปอร์ฟู้ด (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 2 เมษายน 2567)

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) เปิดเผยว่า ดีพร้อมจะเร่งผลักดันโกโก้ สู่การเป็นโกโก้ฮับ (THAI COCOA HUB) แห่งอาเซียนและพืชเศรษฐกิจหลักของไทยผ่านแผนการดำเนินงานระยะสั้น (Quick Win Plan) เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมโกโก้ ด้วยการผลักดันเกษตรกรที่เพาะปลูกโกโก้ในจังหวัดสระแก้ว ให้สู่โกโก้ฮับภาคตะวันออกเพื่อเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จในการยกระดับสินค้าเกษตร สู่เกษตรอุตสาหกรรมต่อยอดโกโก้ไทย สู่อาหารในกลุ่มซุปเปอร์ฟู้ด (Super foods) และคาดว่าระยะเริ่มต้นจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ 20 ล้านบาทต่อปี จากนั้นจะเร่งขยายผลต้นแบบจากจังหวัดสระแก้วไปยังจังหวัดจันทบุรี สำหรับแผนขับเคลื่อนอุตสาหกรรม โกโก้ในระยะยาว คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้เฉลี่ย 8,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้โกโก้เป็นอีก 1 ในพืชเศรษฐกิจหลักของไทยที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เนื่องจากโกโก้เป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดโลกสูงมีการจำหน่ายและส่งออกไปยังหลายประเทศในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ รวมถึงแนวโน้มความต้องการและราคาในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นถึง 210,000 บาทต่อตัน ขณะเดียวกัน โกโก้ยังเป็นพืชแห่งอนาคต (Future Crop) สามารถนำทุกส่วนของโกโก้มาแปรรูป และสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย อาทิ กลุ่มอาหารที่ให้ประโยชน์สูงต่อร่างกาย (Super Food) โกโก้ผง เนยโกโก้ ช็อกโกแลต เครื่องสำอาง น้ำหอม จึงส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกโกโก้ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศสามารถปลูกโกโก้ได้ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม จะเร่งเดินหน้าบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ทุกภาคส่วนในการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโกโก้ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยนำร่องให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคุ้มเพชรโกโก้ ที่อำเภอเมือง ผ่านกิจกรรมยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมโกโก้จังหวัดสระแก้ว ด้วยพลังแนวคิดใหม่ให้ดีพร้อมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานระยะสั้นขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์โกโก้ของจังหวัดสระแก้วด้วยการยกระดับ ความรู้และทักษะด้านการพัฒนาเทคนิคการหมัก การแปรรูปโกโก้ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน

 

นายชินาวุธ ชินะประยูร

ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า)

 

3. ชี้ทุนหนุนสตาร์ทอัพวูบหนัก (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 2 เมษายน 2567)

นายชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า เทรนด์สตาร์ทอัพปี 2567 เงินลงทุนในสตาร์ทอัพไทยลดลงไปมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องหาโอกาส โดยเริ่มจากการมีดาต้า แล้วจึงนำไปต่อยอดสู่สินค้าและบริการ หรือวิธีการใหม่ๆ เพื่อทำให้เกิดผลประสบความสำเร็จอย่างเร็ว รวมถึงต้องผลักดันให้บุคคลที่มีความสามารถ กล้าที่จะริเริ่มธุรกิจใหม่ๆ โดยปัจจุบันเงินทุนจะน้อยลงแต่ยังมีโอกาสในธุรกิจสตาร์ทอัพอีกมาก ซึ่งหาจุดแข็งให้เจอ โดยต้องลองพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ไขก่อนที่บริษัทต่างชาติจะเข้ามาแย่งตลาดจากสตาร์ทอัพไทย ซึ่งดีป้ามีมาตรการสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีบัญชีบริการดิจิทัลที่จะช่วยสนับสนุนให้สตาร์ทอัพสามารถเปิดตลาดกับภาครัฐได้ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มาก หากผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถทำได้ก็จะนำไปสู่การเติบโตของสตาร์ทอัพไทยได้อีกมากอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ดีป้าได้มุ่งยกระดับศักยภาพดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยในทุกระยะการเติบโตด้วยการเสริมสร้างความรู้และทักษะสำคัญผ่านโครงการต่างๆ ควบคู่กับการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัล พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจกับเหล่าผู้ประกอบการ เกษตรกรและชุมชนที่กำลังมองหาดิจิทัลโซลูชันที่เหมาะสมกับบริบทของตนเองก่อนนำมาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งร่วมผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพที่มีความพร้อมเพื่อก้าวสู่เวทีระดับสากล โดยปัจจุบันดีป้า ยกระดับดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยแล้วมากกว่า 165 ราย ขณะที่ปี 2567 มีแผนที่จะส่งเสริมสตาร์ทอัพเพิ่มกว่า 20 ราย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการส่งเสริมและสนับสนุนดีป้ามีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการที่ขอรับการส่งเสริมสนับสนุนตามมาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล (ดีป้า ดิจิทัล สตาร์ทอัพ ฟันด์) ระยะเริ่มต้น จำนวน 3 ราย รวมมูลค่าการลงทุน 3 ล้านบาท ประกอบด้วย เพทที่นี่ เทแลเวท แพลตฟอร์มให้บริการปรึกษาสัตวแพทย์ทางไกลและดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงครบวงจร, ไทยมาร์เก็ต แพลตฟอร์ม จับคู่ระหว่างพ่อค้าแม่ค้า และเจ้าของตลาด และไลท์สเตอร์ แพลตฟอร์มทดสอบผลิตภัณฑ์ และรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งานสำหรับบริษัทเทคโนโลยี

 

ข่าวต่างประเทศ

A flag with stars and a red cross

Description automatically generated

 

4. PMI ภาคการผลิตออสเตรเลียเดือนมี.ค. 67 หดตัวหนักสุดนับตั้งแต่พ.ค. 63 (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 2 เมษายน 2567)

Judo Bank เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของออสเตรเลียในเดือนมีนาคม 2567 หดตัวหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมีนาคม 2567 จาก Judo Bank อยู่ที่ 47.3 ลดลงจาก 47.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยหดตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว

อย่างไรก็ตาม Judo Bank ระบุว่า สาเหตุหลักของการชะลอตัวในครั้งนี้เกิดจากการที่คำสั่งซื้อใหม่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ปริมาณการผลิตในภาคอุตสาหกรรมลดลงตามไปด้วย ทั้งระดับการจ้างงาน การจัดซื้อ รวมถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจโดยรวม ล้วนปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม 2567

 

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)