ข่าวประจำวันที่ 24 เมษายน 2567

ข่าวในประเทศ

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. รมว.อุตฯ ชี้มีพิรุธไฟไหม้ รง.ระยอง (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 24 เมษายน 2567)

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีจังหวัดระยอง ถูกมองเชื่อมโยงโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ก่อนหน้านี้ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อวานจากอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งตนเองได้สั่งการปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไปดูเรื่องนี้โดยด่วน โดยต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและหน่วยงานในพื้นที่ที่ช่วยเข้าไปดับเพลิง เมื่อคืนนี้ได้รับแจ้งว่าจัดการเปลวเพลิงได้แล้ว แต่เมื่อเช้าได้รับรายงานอีกครั้งว่ายังมีเปลวเพลิงอยู่ ซึ่งวันนี้จังหวัดระยองจะมีการประชุมอีกครั้ง รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปดูเรื่องคุณภาพอากาศ และปริมาณสารเคมีที่ตกค้าง ทั้งนี้ เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงเหตุเพลิงไหม้ระหว่างสองพื้นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการทำลายหลักฐานหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า ที่มีการกล่าวถึงว่า ทั้งสองพื้นที่มีความเชื่อมโยงกันเรื่องของเจ้าของโรงงานและการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เรื่องนี้ขอให้รอผลสรุปจากทางตำรวจก่อนดีกว่า เรื่องนี้เป็นมหากาพย์จริงๆ ไม่ใช่พื้นที่ในอำเภอภาชีและพื้นที่จังหวัดระยองเท่านั้น รวมไปถึงพื้นที่จังหวัดราชบุรีด้วย ซึ่งสั่งให้กรมอุตสาหกรรมรับผิดชอบต่อประเด็นนี้ด้วย ต้องนำความจริงมาตอบสังคมให้ได้ มันเป็นจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสารตกค้าง ดูคุณภาพอากาศว่ามีผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ รวมถึงน้ำมีการรั่วไหลลงพื้นที่คลองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ที่สำคัญที่สุดทราบว่ามีการอพยพผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ส่วนเหตุการณ์นี้ดูมีพิรุธเกิดขึ้นหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า มีแน่นอน แต่ขอให้ทางตำรวจเป็นผู้สรุปเรื่องของคดี แต่ในส่วนของตัวเองจะดูแลเรื่องของการกำจัดกากสารเคมีที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ว่าจากนี้ไปการกำจัดกากที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร ส่วนความคืบหน้าในการกำจัดกากสารเคมีในอำเภอภาชีได้รับงบกลางที่ครม.เพิ่งอนุมัติไป คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน เนื่องจากอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสนั่น อังอุบลกุล

ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 

2. เอกชนจี้รัฐช่วยลดต้นทุนแลกกัดฟันตรึงราคาสินค้าอีกระยะ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 24 เมษายน 2567)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้แนวโน้นต้นทุนวัตถุดิบ เช่น น้ำมันดีเซลจะขยับสูงขึ้น โดยที่ภาครัฐจะไม่ต่อมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลแล้วก็ตาม ประกอบกับปัญหาความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลงแม้จะส่งผลดีราคาสินค้าส่งออกได้ราคาสูงขึ้น หรือจากสภาพอากาศในปีนี้แล้งและร้อนนานส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรน้อยแต่มีราคาแพงขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือว่ากระทบต่อต้นทุนของภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศอย่างมาก และในฐานะภาคเอกชนในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอาหารคงจะพยายามช่วยกันตรึงราคาสินค้าไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนทั่วประเทศให้น้อยที่สุด ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ผลกระทบต้นทุนดังกล่าว ภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลเร่งหามาตรการต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือทุกกลุ่มภาคอุตสาหกรรมไม่ให้ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่องบประมาณปี 2567 สามารถมีผลบังคับใช้จริงต้องการให้ภาครัฐเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อกระจายลงในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว แม้จะมีปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น สงคราม ที่เกิดขึ้นยังมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ตาม ดังนั้น ภาคเอกชน ไม่อยากเห็นการใช้เงินกองทุนน้ำมันมา พยุงราคาน้ำมันอีกแต่หากจะปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้เป็นธรรมยิ่งขึ้นน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า โดยภาคเอกชนเห็นด้วยที่จะปรับโครงสร้างราคาน้ำมันที่ใช้อยู่ให้ดีและสอดคล้องกับความเป็นจริง

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไม่เห็นด้วยต่อแนวทางการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ เพราะจะเป็นการซ้ำเติมต้นทุนของภาคอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีของไทยอย่างมาก โดยการปรับขึ้นค่าแรงเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก่อนถือว่ารับได้ เพราะเป็นการเสริมการท่องเที่ยวไทยจึงไม่น่าจะได้รับผลกระทบแต่หากจะปรับ ทั่วประเทศ 400 บาท จึงไม่ควรดำเนินการ

 

A person sitting at a podium

Description automatically generated

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

3. ครม.ไฟเขียวร่างบันทึกเข้าใจไทย-บรูไน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 24 เมษายน 2567)

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมสำหรับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม รวมทั้งให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงข่าวร่วม ในการหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดี   แห่งบรูไนดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ประเทศไทยและบรูไนดารุสซาลาม มีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน โดยมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน มีกำหนดเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2567 ซึ่งในร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ ในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยมีสาระสำคัญเป็นการสรุปผลการหารือระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ และเน้นย้ำถึงการกระชับความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกันให้มากขึ้น ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค เช่น ด้านเศรษฐกิจ ในด้านความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารฮาลาล ซึ่งจะส่งเสริมในด้านที่ประเทศตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานด้านการเกษตร ครั้งที่ 1 ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2567 นี้ ด้านการลงทุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุน โดยสนับสนุนให้นักลงทุนจากทั้งสองประเทศมีการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมปิโตรเลียม

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาล ของสุลต่านและยัง ดี-เปอร์ตวน แห่งบรูไน ดารุสซาลาม การจัดทำบันทึกความเข้าใจมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวไทย-บรูไนดารุสซาลาม โดยเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการ เสริมสร้างความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ภายใต้กรอบทวิภาคีและพหุภาคี การส่งเสริมการท่องเที่ยวตามรูปแบบที่มีศักยภาพ อาทิ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวมุสลิม การ ท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจไมซ์ ซึ่งเป็นการยกระดับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการประสานงานเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงด้านการบินระหว่างสองประเทศ

 

ข่าวต่างประเทศ

A flag with white stars

Description automatically generated

 

4. เงินเฟ้อออสซี่ชะลอตัวน้อยกว่าคาดใน Q1 ดับความหวังธ.กลางหั่นดอกเบี้ยปีนี้ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 24 เมษายน 2567)

สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค อยู่ที่ระดับ 3.6% ในไตรมาส 1/2567 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 4.1% ในไตรมาส 4/2566 โดยดัชนี CPI ไตรมาส 1 ชะลอตัวลงไม่มากเท่ากับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจลดลงสู่ระดับ 3.5% ซึ่งทำให้ตลาดมีความหวังน้อยลงว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้ ทั้งนี้เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ดัชนี CPI ไตรมาส 1 ของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 1% เทียบกับไตรมาส 4/2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.6% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าดัชนี CPI อาจจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส

อย่างไรก็ตาม ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดนั้น เพิ่มขึ้น 1% ในไตรมาส 1 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.8% และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานชะลอตัวลงสู่ระดับ 4% ในไตรมาส 1 จากระดับ 4.2% ในไตรมาส 4/2566

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)