ข่าวประจำวันที่ 26 เมษายน 2567

ข่าวในประเทศ

A person in a suit with his arms crossed

Description automatically generated

นายวีริศ อัมระปาล

ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

 

1. กนอ.อัดโปรดึงนักลงทุน ดันยอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมฯทะลุ 3,946 ไร่ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 26 เมษายน 2567)

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - มีนาคม 2567) กนอ. มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3,946 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ในเขตพัฒนาพิศษภาคตะวันออก (EEC) 3,472 ไร่ นอกพื้นที่ EEC 474 ไร่ คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 158,372 ล้านบาท เกินเป้าหมายของปีงบประมาณ 2567 ที่ตั้งเป้ายอดขาย/เช่าตลอดทั้งปีไว้ที่ 3,000 ไร่แล้ว เบื้องต้นอาจต้องปรับเป้าใหม่เป็น  4,500 ไร่ แต่ต้องขอดูผลกระทบจากสถานการณ์ของสงคราม และภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วง 6 เดือนหลังด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติม กนอ. จึงจัดทำโปรโมชั่นกระตุ้นการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค (Smart Park) จังหวัดระยอง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 ถึง 27 ธันวาคม 2567 ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นค่าเช่าที่ดิน 1 ปี ยกเว้นค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก 1 ปีแรก เงื่อนไข คือ ทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 ถึง 27 ธันวาคม 2567 วางหลักประกันการเช่าที่ดินเป็นเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันเต็มจำนวน มูลค่าสองเท่าของค่าเช่ารายปี ห้ามให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิการเช่าที่ดินบางส่วนหรือทั้งหมดภายใน 2 ปี แจ้งเริ่มประกอบกิจการภายใน 3 ปี มีระยะเวลาการเช่าที่ดินไม่น้อยกว่า 10 ปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่ กนอ. กำหนด

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ในส่วนของ Rubber City ระยะเวลาจัดโปรโมชั่นระหว่างวันที่ 15 มีนาคม ถึง 30 กันยายน 2567 โดยให้สิทธิประโยชน์ทั้งผู้ประกอบกิจการใหม่ และผู้ประกอบการเดิมซึ่งผู้ประกอบกิจการใหม่ จะได้รับส่วนลด 3% จากราคาขายที่ดิน ขณะที่ผู้ประกอบกิจการเดิม จะได้รับส่วนลด 5% จากราคาขายที่ดินเงื่อนไข คือ ทำสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบกิจการ ชำระค่ามัดจำไม่น้อยกว่า15% ของมูลค่าที่ดิน แจ้งเริ่มประกอบกิจการภายใน 3 ปี ห้ามขายหรือโอนที่ดินภายใน 9 ปี เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กนอ. กรณีไม่ปฏิบัติตาม กนอ. มีสิทธิ์ยกเลิกมาตรการ ยึดเงินมัดจำ และเรียกร้องค่าเสียหายได้

 

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

 

2ส่งออกข้าวไทย 4 เดือนพุ่ง 23% (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 26 เมษายน 2567)

 

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์วางแผนบุกตลาดส่งออกข้าวเพิ่มเติม ทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ ตลาดข้าวพรีเมียม จะรุกตลาดสหรัฐ เซเนกัล จีน ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย ข้าวขาวรุกตลาดฟิลิปปินส์ อิรัก ญี่ปุ่น มาเลเซีย ข้าวนึ่งบุกตลาดแอฟริกาใต้ เบนิน ไนจีเรีย บังกลาเทศ และข้าวเพื่อสุขภาพ มีเป้าหมายที่สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย สิงคโปร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย และผลักดันให้มีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทย สนับสนุนข้อมูลด้านการผลิต การบริโภค การส่งออก และราคาข้าว ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ประกอบการพิจารณาขายข้าวที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา ภาคเอกชนไทย ยังชนะการประมูลสำหรับการนำเข้าข้าวขาว 5% ของอินโดนีเซียกว่า 4 แสนตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ข้าวขาวไทยยังเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศนอกเหนือจากข้าวหอมมะลิไทย และมีแนวโน้มที่จะมีคำสั่งซื้อข้าวชนิดดังกล่าวจากไทยเพิ่มขึ้น ส่วนสถิติการส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศปี 2567 ตั้งแต่เดือนมกราคม - 22 เมษายน 2567 ไทยส่งออกข้าวแล้วปริมาณ 3.06 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 23.39% จากปีก่อนที่ส่งออกได้ปริมาณ 2.48 ล้านตัน และมูลค่า 70,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.82% จากปีก่อนที่ 45,975 ล้านบาท โดยตลาดที่ไทยส่งออกข้าวไปเป็นอันดับหนึ่ง คือ อินโดนีเซีย 680,099 ตัน รองลงมา อิรัก 353,100 ตัน แอฟริกาใต้ 216,050 ตัน เซเนกัล 120,140 ตัน และฟิลิปปินส์ 116,925 ตัน

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยยังมีทิศทางที่ดีเช่นนี้ โดยราคาข้าวไทยยังคงปรับตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยเพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคและการซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะทะลุเกินเป้าหมายที่ 7.5 ล้านตัน อย่างแน่นอน

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. อุตฯยานยนต์ยังเหนื่อยหนักหลายปัจจัยฉุดยอดขายในประเทศร่วงแรง (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 26 เมษายน 2567)

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคม 2567 ยอดผลิตรถยนต์ลดลง 23.08% ส่วนยอดขายลดลง 29.83% ยอดส่งออกลดลง 3.35% ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2,965% ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ลดลง 28.38% ทั้งนี้ เดือนมีนาคม 2567 ส่งออกได้ 95,089 คัน ลดลง 3.35% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 90,201 คัน ลดลง 7.76% ส่งออกรถยนต์ HEV 4,888 คัน เพิ่มขึ้น 728.47% จากปีก่อน โดยการส่งออกในช่วงไตรมาสแรก (มกราคม – มีนาคม) ของปี 2567 อยู่ที่ 270,525 คัน ลดลง 1.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 248,608.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมีนาคม 2567 มีจำนวน ทั้งสิ้น 56,099 คัน ลดลง 29.83% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เพราะความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้า ไปหลายเดือน ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชะลอตัวไปด้วย ซึ่งคาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายรถยนต์จะดีขึ้นจากการใช้จ่ายการลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร่วมกับการลงทุนของเอกชนและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นมากกว่า 33 ล้านคน ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกมียอดขาย 163,756 คัน ลดลง 24.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมีนาคม 2567 มีทั้งสิ้น 138,331 คัน ลดลง 23.08% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงของการผลิตรถกระบะและรถยนต์นั่งเพื่อขายในประเทศถึง 41.01% เนื่องจากมาตรการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศยังมีไม่มาก เพราะโรงงานผลิตรถยนต์บางบริษัทยังไม่พร้อม คาดว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 แต่เพิ่มขึ้น 3.47% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่รถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วงไตรมาสแรกมีจำนวนทั้งสิ้น 414,123 คัน ลดลง 18.45% จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปีนี้ยังคงเป้าหมายตามเดิมทั้งการผลิตที่ 1.9 ล้านคัน การส่งออก 1.15 ล้านคัน และขายในประเทศ 7.5 แสนคัน แต่จับตายอดขายในประเทศที่ลดลงจากมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีน่าจะดีขึ้นหลังมีการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ

 

ข่าวต่างประเทศ

A close up of a flag

Description automatically generated

 

4. สหรัฐ จีดีพีไตรมาสแรกโต 1.6% ต่ำกว่าคาด ราคาน้ำมัน WTI ร่วง กังวลเศรษฐกิจซบเซา (ที่มา: การเงินธนาคารออนไลน์, ประจำวันที่ 26 เมษายน 2567)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2567 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.6% ในไตรมาสดังกล่าว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.4% ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1/2567 ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค สำหรับในปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2%, 2.1%, 4.9% และ 3.4% ในไตรมาส 1, 2, 3 และ 4 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ด้านราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลง กังวลเศรษฐกิจสหรัฐซบ บ่งชี้อุปสงค์อ่อนแอ โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิถุนายน ลบ 0.28 ดอลลาร์ หรือ 0.34% สู่ระดับ 82.53 ดอลลาร์/บาร์เรล   (ณ เวลาประมาณ 23 น.) นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)