ข่าวในประเทศ
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. ก.อุตฯ-ดีอีรวมพลังต่อยอดสินค้าชุมชน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2567)
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "การพัฒนาศักยภาพและสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อยกระดับขีดความสามารถวิสาหกิจไทยอย่างยั่งยืน" ระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) กระทรวงอุตสาหกรรม กับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้นโยบาย DIPROM CONNECTION ร่วมเสริมแกร่งชุมชน-วิสาหกิจไทย ยกระดับสินค้าและบริการ ยังสนับสนุนลดขยะในสถานประกอบการ หวังยกระดับขีดความสามารถวิสาหกิจไทยยั่งยืน คาดสร้างโอกาสทางการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้กว่า 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า สนับสนุนสิทธิประโยชน์ส่วนลดพิเศษในการขนและขายสินค้าชุมชนผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทยและเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศกว่า 5 หมื่นแห่ง ผ่านเว็บไซต์ Thailand Post Mart แพลตฟอร์ม e-Marketplace ของไปรษณีย์ไทย ที่รวบรวมสินค้าตัวท็อปทั่วไทยกว่า 20,000 รายการ จากผู้ประกอบกว่า 6,000 ราย และยังมีช่องทางจำหน่ายสินค้าออฟไลน์ผ่านร้านค้า Thailand Post Mart 17 สาขาในพื้นที่เศรษฐกิจ ได้แก่ ไปรษณีย์กลาง เคาน์เตอร์ไปรษณีย์สาขา MBK ไปรษณีย์อุดรธานี อุบลราชธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น หนองคาย เชียงใหม่ พิษณุโลก ราชบุรี กระบี่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี และไปรษณีย์จอมสุรางค์ ในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท อีกทั้งไปรษณีย์ไทยยังมีแผนในการให้บริการขนส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon เพื่อขยายโอกาส ขยายช่องทางให้กับผู้ประกอบไทย ได้ส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย
นายภูมิธรรม เวชยชัย
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2. เปิด 5 ไอเดียทีมพาณิชย์เพิ่มการค้าไทย (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2567)
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มีการเปิดรับฟังการนำเสนอแผนงานจากกลุ่ม Young Moc ข้าราชการรุ่นใหม่จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ และกลุ่มทีมพาณิชย์ 5 กลุ่ม ที่มาจากจังหวัดยโสธร นครสวรรค์ ขอนแก่น ภูเก็ต เลย ตราด สิงห์บุรี นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ เป็นต้น ได้ร่วมนำเสนอผลงานประเด็นของฝากรักษ์โลกที่ต้องซื้อกลับเมื่อมาเที่ยวประเทศไทย ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยทางกลุ่มได้มีการรวบรวมข้อมูล คัดเลือกสินค้ารักษ์โลก SDGs ของแต่ละจังหวัด มานำเสนอในรูปแบบ 2 ภาษา กับสินค้าประเภทอาหาร ของใช้ของตกแต่ง ของที่ระลึก เครื่องดื่ม ผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง และสมุนไพร ผ่าน QR Code ลิงก์ไปที่ E-Book มีภาพสินค้า แบรนด์สินค้า ชื่อ ช่องทางจำหน่าย ราคาเริ่มต้น ให้ง่ายในการเข้าถึงสินค้า SDGs ทั่วประเทศ และนำเสนอแผนประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ช่วยสร้างรายได้ให้สินค้าของผู้ประกอบการในประเทศ
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนงานที่ได้นำเสนอต่อนายภูมิธรรม เน้นช่วยกันแก้ปัญหาให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ และหาช่องทางการค้าให้ประเทศ ประกอบด้วย 1. การบริหารจัดการลำไยส่วนเกินในช่วงล้นตลาดเพื่อความยั่งยืน จัดการผลผลิตในช่วงที่ล้นตลาดอย่างครบวงจร ทำสินค้าที่มีคุณภาพ ขยายตลาดเมืองรอง กระตุ้นการบริโภค เพิ่มการรับรู้และใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA 2. ขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มปริมาณการขายข้าว 10% บุกเบิกข้าวสายพันธุ์ใหม่ในตลาดโลก ทำข้าวคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของตลาด 3. เพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน และการค้าผ่านแดนในสินค้าที่มีศักยภาพ (ผลไม้ ผลไม้แปรรูป OTOP ท่องเที่ยว) สินค้าเกี่ยวกับอาหาร Thai Select 4. ผลักดันนโยบาย Soft Power ขยายการส่งออกอาหาร และสินค้าไลฟ์สไตล์ เพิ่มขึ้น 2% ภายในปี 2570 และ 5. ผลักดันแบรนด์ Thai Select สร้างแบรนด์ Thai Select ยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารไทยสู่ตลาดโลก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
3. จีนรุกผลิตข้าวโพด 'จีเอ็มโอ' ทั่วโลกผวากดดันราคาตกต่ำ (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2567)
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า คาดการณ์ปี 2567 ตลาดข้าวโพดตัดแต่งพันธุกรรม (Genetically Modified Organism : GMO) ทั่วโลก มีมูลค่า 264,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าระหว่างปี 2566-2573 เติบโตเฉลี่ยต่อปีละ 5% หรือมีมูลค่าตลาด 384,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2573 ซึ่งผลจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นของข้าวโพด GMO จากผู้ผลิตรายใหม่ๆ อย่างประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวโพดสำคัญของโลก อาจผลักดันให้ราคาข้าวโพดทั่วโลกปรับตัวลดลงในอนาคต ทั้งนี้ สนค.ติดตามสถานการณ์การวิจัยและพัฒนาข้าวโพด GMO ของจีน พบว่าจีนประสบความสำเร็จวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพดที่ต้านทานแมลงศัตรูพืชได้ในปี 2540 และวิจัยอย่างต่อเนื่องจนมั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของพืช GMO เหล่านี้ รวมทั้งเปิดให้นำเข้าข้าวโพด GMO มาตั้งแต่ธันวาคม 2563 ตามสถิติพบว่าปี 2566 จีนนำเข้าข้าวโพดอันดับ 1 ของโลก ปริมาณ 27.14 ล้านตัน มูลค่า 9,017.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.99% จากปีก่อนหน้า โดยนำเข้าจากบราซิลและสหรัฐ ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตพันธุ์ข้าวโพด GMO สำคัญของโลก และปีเดียวกันจีนมีผลผลิตในประเทศ 288.84 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีก่อนหน้า และเพิ่มกว่า 20% เทียบปี 2563 ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศ 293 ล้านตัน ส่วนผลผลิต 2567/68 จีนคาดไว้ 296 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.4% นอกจากนี้ จีนประกาศรายการข้าวโพด GMO 37 สายพันธุ์ ที่สามารถนำไปเพาะปลูกได้ในมณฑลกานซู เหอเป่ย จี๋หลิน เหลียวหนิง กว่างซี เสฉวน และยูนนาน
อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำว่าจีนจะพัฒนาการใช้ข้าวโพด GMO เพื่อความมั่นคงทางอาหารและการยกระดับผลผลิตในประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้าธัญพืช แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างการใช้ข้าวโพด GMO เชิงพาณิชย์ แม้ปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกข้าวโพด GMO ของจีนไม่ถึง 1% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ แต่คาดว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด GMO ของจีนช่วงปี 2568-2570 จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15% ต่อปี โดยการที่จีนหันมาใช้ข้าวโพด GMO เพื่อการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศ อาจกระทบต่อการส่งออกของไทยด้วย
ข่าวต่างประเทศ
4. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ค. (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2567)
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม 2567 เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลระบุว่า ดัชนีการผลิตของโรงงานและเหมืองแร่อยู่ที่ระดับ 103.6 เมื่อเทียบกับฐานปี 2563 ที่ระดับ 100 หลังจากที่ลดลง 0.9 % ในเดือนเมษายน ทั้งนี้ กระทรวงฯ ยังคงมีมุมมองเช่นเดียวกับในเดือนเมษายน โดยระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมแสดงสัญญาณอ่อนแอลงและมีความผันผวนอย่างที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งผลการสำรวจภาคอุตสาหกรรมที่ครอบคลุม 15 ภาคส่วนบ่งชี้ว่า อุตสาหกรรม 13 ภาคส่วน มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรม 2 ภาคส่วนมีผลผลิตลดลง
อย่างไรก็ตาม สำหรับดัชนีการจัดส่งภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3.5% แตะที่ 103.5 ขณะที่ดัชนีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น 1.1% สู่ระดับ 103.5 ทั้งนี้ ทางด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงฯ คาดการณ์โดยอิงจากผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ผลิตว่า ผลผลิตจะลดลง 4.8% ในเดือนมิถุนายน 2567 แต่จะเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนมิถุนายน
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)