ข่าวประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2567

ข่าวในประเทศ

A person sitting at a microphone

Description automatically generated

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. ผุด 4 มาตรฐานคุมเหล็ก อุตฯ เต้นสินค้านำเข้าคุณภาพต่ำทะลัก (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2567)

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์เหล็กในประเทศอย่างใกล้ชิด พบว่ามีการนำเข้าเหล็กเคลือบ ทั้งเคลือบสังกะสี อะลูมิเนียม แมกนีเซียม และเคลือบสี ที่มีราคาถูกจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหล็กที่มีคุณภาพต่ำ และไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมเหล็กเคลือบภายในประเทศเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถขายสินค้าได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่นำเหล็กเคลือบดังกล่าวไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ตนจึงได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งดำเนินการควบคุมเหล็กเคลือบทุกประเภทที่จำหน่ายในท้องตลาดโดยเร็ว เพื่อสกัดกั้นเหล็กเคลือบที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนและอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทั้งนี้ ทางด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้ สมอ. ควบคุมผลิตภัณฑ์เหล็กจำนวน 4 มาตรฐาน ได้แก่ 1. "เหล็ก PPGI" หรือ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี 2. "เหล็ก PPGL" หรือ เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี 3. เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียม 5% ขึ้นไป และแมกนีเซียม 2% ขึ้นไป โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน และ 4. เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียม 0.5% ขึ้นไป และแมกนีเซียม 0.4% ขึ้นไป โดยกรรมวิธีจุ่มร้อน

อย่างไรก็ตาม จากข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมอ. มิได้นิ่งนอนใจได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหลังจากที่บอร์ดมีมติเห็นชอบมาตรฐานเหล็กเคลือบทั้ง 4 มาตรฐาน แล้ว สมอ. จะเร่งดำเนินการให้เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนและปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยปัจจุบัน สมอ. ประกาศใช้มาตรฐานเหล็กจำนวน 213 มาตรฐาน เป็นสินค้าควบคุมจำนวน22 มาตรฐาน และเป็นมาตรฐานภาคสมัครใจจำนวน 191 มาตรฐาน

 

A person in a suit sitting in a chair

Description automatically generated

นายภูมิธรรม เวชยชัย

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

2พาณิชย์เร่งช่วยคนตัวเล็ก เปิดพื้นที่ขายสินค้าเพิ่มเงินในกระเป๋า (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2567)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังคิดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลคนตัวเล็ก โดยเฉพาะ เกษตรกร ผู้ประกอบการรายจิ๋ว และประชาชนทั่วไป ให้มีโอกาสในการทำมาค้าขาย เพื่อเพิ่มรายได้ และเพิ่มเงินในกระเป๋าเป็นการเร่งด่วนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยได้สั่งการให้หน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ไปจัดทำมาตรการที่จะนำมาช่วยเหลือแล้ว ตั้งใจอยากจะให้ดำเนินการได้ภายในช่วง 2-3 เดือนนี้ ก่อนที่โครงการใหญ่ คือ เงินดิจิทัล วอลเล็ต จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ทั้งนี้ วิธีการเพิ่มเงินในกระเป๋าได้ทันทีสำหรับคนค้าขาย ก็ต้องหาสถานที่ขายให้กับเขา ซึ่งมีตลาดที่กรมการค้าภายในดูแลอยู่ ทั้งตลาดต้องชม หมู่บ้านทำมาค้าขาย รวมถึงตลาดสด โดยให้ไปดูว่าจะเพิ่มพื้นที่ค้าขายตรงไหนได้บ้าง ให้คนเอาสินค้ามาขาย เพราะตลาดเหล่านี้ มีคนเดินอยู่แล้ว จะช่วยเพิ่ม รายได้เร็วกว่า หรืออาจจะจัดเป็นสถานที่เฉพาะให้ แล้วให้มาตั้งร้านค้าขายกัน ซึ่งจะเป็นส่วนราชการ หรือสถานที่ ๆ มีคนผ่านมาก ก็ให้พิจารณาดำเนินการ ซึ่งอาจจะนำร่องในบางจังหวัดก่อน แล้วค่อยขยายไปจังหวัดอื่นๆ ส่วนในกรุงเทพฯ อาจจะคุยกับหน่วยงานรัฐ ที่มีพื้นที่ หรือคุยกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อขอใช้พื้นที่ในการจัดเป็นที่ขาย ส่วนการเพิ่มโอกาสในการขายออนไลน์ ให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าชุมชน ผู้ประกอบการชุมชน ให้มีโอกาสในการขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น เหมือนกับที่จีนใช้เถาเป่า โมเดล ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในชุมชนห่างไกล ให้มีโอกาสในการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ขอให้เพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้น และให้ช่วยผู้ประกอบการ ช่วยประชาชน ให้มีโอกาสในการขายออนไลน์เพิ่มขึ้นด้วย โดยต้องเข้าไปช่วย เข้าไปสอน เพื่อให้ขายสินค้าได้จริงๆ อย่าเน้นแต่รายกลาง รายเล็ก ขอให้ลงลึกถึงรายย่อย รายจิ๋ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดูแลค่าครองชีพ สินค้าธงฟ้า ยังมีความจำเป็นในบางพื้นที่ ก็ให้พิจารณาจัดให้เหมาะสม และต้องไม่กระทบต่อการค้าขายปกติของผู้ประกอบการ ส่วนกรุงเทพฯ ที่ปัจจุบันมีการจัดโมบายธงฟ้า นำสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพไปจำหน่าย ก็ให้ดำเนินการต่อ เพราะในกรุงเทพฯ มีคนเป็นจำนวนมาก ทั้งคนหาเช้ากินค่ำ แรงงาน คนชั้นกลาง ยังจำเป็นต้องได้รับการดูแลเช่นเดียวกัน และโมบาย ธงฟ้ายังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ด้วยการนำสินค้าเกษตรมาจำหน่ายและช่วยระบายในช่วงที่ผลผลิตออกมาได้ด้วย

 

A person sitting at a desk with a microphone

Description automatically generated

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

 

3. ไทย เล็งส่งออกอาหารเสริมเจาะตลาดผู้บริโภคสหรัฐฯ (ที่มา: สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น., ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2567)

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดกรมฯ ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณ นครนิวยอร์ก ถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารเสริมในสหรัฐฯ และโอกาสในการส่งออกสินค้าของไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ตามการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และกลุ่มที่ต้องการอาหารเสริมสำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งปัจจุบันมูลค่าอุตสาหกรรมอาหารเสริมในสหรัฐฯ ปี 2566 อยู่ที่กว่า 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตจากปี 2565 ร้อยละ 3.1 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้อุตสาหกรรมเติบโต ได้แก่ จำนวนประชากร ผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภค ชาวอเมริกันที่ตระหนักรู้ในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพ และต้องการอาหารเสริมสำหรับการออกกำลังกายมากขึ้น โดยสิ่งที่ควรรู้ก่อนนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเข้ามาขายในตลาดสหรัฐฯ หากเป็นยาและผลิตภัณฑ์ยา ต้องได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ก่อนวางจำหน่าย แต่หากเป็นอาหารเสริมผู้ผลิตไม่ต้องขอการรับรองจาก FDA เพื่อวางจำหน่ายในตลาด แต่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบหลักเกณฑ์การปฏิบัติที่ดีในการผลิตปัจจุบัน (GMPs) ที่ FDA กำหนด พร้อมกับมีหลักฐานว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและฉลากของผลิตภัณฑ์ไม่มีการกล่าวอ้างที่เกินจริง ซึ่งหากผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีสารตัวใหม่เป็นส่วนผสม ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลกับ FDA ก่อนการวางจำหน่าย โดย FDA มีอำนาจในการตรวจสอบโดยตรง และหากพบว่าไม่ปลอดภัย ก็มีอำนาจให้นำออกจากตลาดหรือแจ้งให้ผู้ผลิตเรียกคืนสินค้าโดยสมัครใจ และยังสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบกับองค์กรอิสระที่ให้บริการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้

อย่างไรก็ตาม การบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ได้เป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของชาวอเมริกัน เพื่อช่วยเสริมสารอาหารที่ได้รับในมื้ออาหารประจำวันไม่เพียงพอ ซึ่งวัยผู้ใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวระหว่างวันน้อยและรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ประกอบกับความตระหนักเรื่องการดูแลสุขภาพ จึงทำให้อุตสาหกรรมอาหารเสริม     ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยและผู้ส่งออกไทยในการเสนอผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในตลาดสหรัฐฯ ที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องชื่อเสียงและความเป็นเอกลักษณ์ของสมุนไพร ซึ่งข้อมูลอุตสาหกรรมอาหารเสริมจะเป็นแนวทางให้แก่ผู้ประกอบการศึกษาพฤติกรรมและความชื่นชอบของผู้บริโภคชาวอเมริกัน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกันให้มีประสิทธิภาพ ในการขยายตลาดสหรัฐฯ ต่อไป

 

ข่าวต่างประเทศ

A red flag with a yellow star

Description automatically generated

 

4. เวียดนามเผยสินเชื่อ H1/67 โต 6% อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2567)

นายด่าว มีง ตือ รองผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม (SVB) เปิดเผยว่า สินเชื่อของเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.13% โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สินเชื่อของเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้จะยังต่ำกว่าเป้าหมาย 15% ของธนาคารกลางก็ตาม โดยทางการเวียดนามจะขอให้ธนาคารปรับลดต้นทุนการดำเนินงานเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเชิงพาณิชย์ต่อไป ขณะเดียวกัน เวียดนามก็มีความเสี่ยงเรื่องหนี้เสียด้วยเช่นกัน เนื่องจากบ้านและครัวเรือนต่างกำลังเผชิญความท้าทาย โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 นั้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 5% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่งทางหน่วยงานกำกับดูแลมีเป้าหมายที่จะลดอัตราส่วนหนี้เสียลงเหลือ 3% ภายในสิ้นปี 2568

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่พุ่งขึ้นจะทำให้ SVB จับตาดูอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ ขณะที่เศรษฐกิจของเวียดนามโตเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจของไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 6.93%               

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)