ข่าวประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2567

ข่าวในประเทศ

นายภาสกร ชัยรัตน์

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

 

1. ปั้น Smart Farmer แปรรูปเกษตรสู่อุตสาหกรรม (ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ, ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2567)

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM หรือ กสอ.) เปิดเผยว่า ในการขับเคลื่อนเกษตรอุตสาหกรรม กรมมีแผนว่าจะใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาการเกษตรของไทย ให้เป็น Smart Farmer หรือ "นักธุรกิจเกษตรสมัยใหม่" ด้วยการกำหนดรูปแบบ แนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) ให้แก่ผลผลิตการเกษตร การใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำมาช่วยแก้ปัญหาการทำเกษตรอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังจำเป็นที่จะต้องสร้างมาตรฐานการผลิตและแปรรูปสินค้าทางการเกษตร สร้างตลาดใหม่เป็นศูนย์รวมการกระจายสินค้าทางการเกษตร จากนั้นจะต้องสร้างธุรกิจใหม่จากการเกษตร เช่น การนำของเสียจากธุรกิจเกษตรหนึ่งไปสร้างมูลค่ากับอีกธุรกิจเกษตร เพื่อผลประโยชน์ที่สูงสุดนำกลับสู่เกษตรกรในรูปแบบของการปันผลจากผลกำไรสุดท้าย ที่ได้จากการแปรรูปจำหน่ายในระบบอุตสาหกรรมเกษตรที่สมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ เป้าหมายจึงถูกพุ่งไปที่ภาคการผลิต ผู้ประกอบการที่จากเดิมส่งออกในรูปแบบของสด จะต้องปรับเปลี่ยนมาเป็นการแปรรูป แต่จะแปรรูปอย่างไรให้ถูกใจตลาด ถูกใจเทรนด์สมัยใหม่ นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยที่ผ่านมา กสอ.จะมีโครงการพัฒนาผู้ประกอบการ มีการเปิดโครงการฝึกอบรมกันทุกปี ในผลลัพธ์ที่ควรจะได้คือการเกิดขึ้นของเหล่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่มีโปรดักต์ใหม่ๆ กลับมาติดกับดักทั้งแวดล้อมภายในและภายนอก ซึ่งหมายถึง "เงินทุน" และ "สภาพเศรษฐกิจ" รวมถึง "ดิน ฟ้า อากาศ" และต้องไม่ลืมว่าเมื่อโรงงานแปรรูปต้องพึ่งพาผลผลิตจากชาวสวน นั่นหมายถึง การที่ผู้ประกอบการมีความเสี่ยงกับต้นทุนการผลิตสูง และผลผลิตที่มีราคาไม่แน่นอน ขาดการเชื่อมโยงในลักษณะคลัสเตอร์

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) ได้ สิ่งแรก ต้องยกระดับภาคการเกษตร การดึงเอาวัตถุดิบของแต่ละท้องถิ่นขึ้นมาแล้วค่อยๆ ขยายวงออกไป จะเป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จได้มากที่สุด เช่น การนำโกโก้ ในพื้นที่ภาคใต้ปั้นให้เป็น "ไทยโกโก้ฮับ" ของอาเซียน แต่การจะเดินคนเดียวก็คงยาก การดึงเจ้าของแบรนด์ "ภราดัย" ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โกโก้และคราฟต์ช็อกโกแลตสัญชาติไทย การันตีรางวัลเหรียญทอง ระดับโลก จากเวที Academy of Chocolate Award 2021 จึงเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เป้าหมายสำเร็จ เช่นเดียวกับ พืชผลท้องถิ่นชนิดอื่น

 

A person in a suit

Description automatically generated

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ

ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.)

 

2สมุนไพร 500 แห่ง เสี่ยงปิด ไม่ผ่านมาตรฐาน 'จีเอ็มพี' (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2567)

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรในสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตฯสมุนไพรกังวลโรงงานอุตสาหกรรมภาคสมุนไพร มีความเสี่ยงถูกปิดอยู่เช่นกัน พบข้อมูลน่าตกใจว่า ปัจจุบันประเทศไทย มีโรงงานผลิตสมุนไพรมากกว่า 1,000 แห่ง แต่มีโรงงานผลิตสมุนไพรกว่า 500 แห่ง ยังไม่สามารถผ่านมาตรฐาน GMP PIC/S หากโรงงานสมุนไพรเหล่านี้ถูกปิดตัวลง ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสในการผลักดัน สร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง สนับสนุนศักยภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ ซึ่งมีมูลค่าตลาดสมุนไพรในปัจจุบัน 52,104.3 ล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโต 8% ต่อปี ทั้งนี้ วิกฤติการปิดตัวของโรงงานในประเทศไทย กำลังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและแรงงานอย่างหนัก อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยก็ยากจะรอดพ้นจากวิกฤตินี้ แต่ก็ยังมีโอกาสรอดวิกฤตินี้ไปได้ โดยหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสการสร้างฐานเศรษฐกิจมหภาคไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยปัจจุบันยังประคับประคองตัวเองได้ ปรับตัวแบบ 360 องศา ทั้งการลงไปจับตลาดใหม่ๆ ที่เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว พัฒนาแพ็กเกจจิ้งให้มีความโดดเด่นเหมาะแก่การสะสมและเป็นของฝาก

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรของ ส.อ.ท. ได้เสนอหน่วยงานภาครัฐ ดำเนินการอบรม จัดหลักสูตร รวมถึงจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยให้โรงงานขนาดเล็กมีโอกาสปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน GMP PIC/S, หน่วยงานภาครัฐ เป็นตัวกลางในการจับมือระหว่างโรงงานขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน GMP PIC/S ในการให้โรงงานขนาดเล็กเข้าใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นการช่วยเหลือไม่ให้รายย่อยต้องลงทุนห้องแล็บ ที่ต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง, สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โรงงานสมุนไพรเหล่านี้มีแหล่งความรู้ที่สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจได้

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายชัย วัชรงค์

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

3. รัฐบาลหนุนการจัดงาน BIDC 2024 หวังดันเป็นฮับดิจิทัล (ที่มา: ไทยโพสต์, ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2567)

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยให้ทัดเทียมตลาดสากล ในฐานะอุตสาหกรรมศักยภาพที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต ทั้งนี้ นายกฯ เชื่อมั่นว่าในงาน Bangkok International Digital Content Festival 2024 (BIDC 2024) ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม - 8 สิงหาคม 2567 จะเป็นโอกาสสำคัญสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนในธุรกิจบริการดิจิทัลคอนเทนต์ในระดับสากล พร้อมขยายตลาดต่างประเทศของผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย โดยตั้งเป้าจับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 450 คู่ คาดการณ์สร้างมูลค่าการค้ากว่า 800 ล้านบาท สำหรับงาน BIDC 2024 ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 โดยถือเป็นความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับ หน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมให้เกิดการขยายช่องทางการค้าของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การเผยแพร่ การจำหน่าย และการให้บริการสื่อสร้างสรรค์ในรูปแบบดิจิทัล ด้วยศักยภาพของไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ภายในงานมีกิจกรรม อาทิ การจับคู่เจรจาการค้า การสร้างเครือข่ายธุรกิจ การมอบรางวัลด้านดิจิทัลคอนเทนต์ประจำปี 2024 เช่น BIDC AWARDS RISING STAR AWARDS และ GLOVAL ACHIEVEMENT AWARD รวมกว่า 29 รางวัล และการเยี่ยมชมสถานประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทยชั้นนำในกลุ่มแอนิเมชัน เกม คาแรคเตอร์ และ E-Learning เป็นต้น โดยมีผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์จากบริษัทชั้นนำ 42 บริษัท เช่น Warner Bros, Discovery, Imagica Lab, และ Avex Asia เป็นต้น ทั้งหมดจาก 10 ประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี ฝรั่งเศส และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมีผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ไทย 73 บริษัท ที่เข้าร่วมงาน คาดว่าจะสามารถจับคู่เจรจาการค้ากว่า 450 คู่ สร้างมูลค่าการเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่ขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือขยายช่องทางการค้าของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์สู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่างาน BIDC 2024 จะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ส่งเสริมโอกาสในธุรกิจบริการดิจิทัลคอนเทนต์ไทยให้ได้แสดงศักยภาพให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในแวดวงดิจิทัลคอนเทนต์ เพิ่มมูลค่าการค้าของธุรกิจบริการดิจิทัลคอนเทนต์ไทยในตลาดโลก ผลักดันให้ไทยก้าวเป็น Hub ด้านดิจิทัลคอนเทนต์ของภูมิภาค

 

ข่าวต่างประเทศ

A close up of a flag

Description automatically generated

 

4. ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ค. (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2567)

เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.0 ในเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนมิถุนายน โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตอยู่ในภาวะ   หดตัว โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 51.6 ในเดือนมิถุนายน โดยดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว

 อย่างไรก็ตาม ในส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนมิถุนายน โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)