ข่าวประจำวันที่ 25 กันยายน 2567

ข่าวในประเทศ

นายภาสกร ชัยรัตน์

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม

 

1. 'ดีพร้อม' ขานรับปฏิรูปอุตฯ เปิดศูนย์บริการธุรกิจออนไลน์-ออฟไลน์ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 25 กันยายน 2567)

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ และตามนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้น "การปฏิรูปอุตสาหกรรม" (Industrial Reform) เพื่อรับโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของโลกโดยการ ปกป้องอุตสาหกรรมไทยจากการทุ่มตลาดช่วยผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการทะลักเข้าของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และยกระดับขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทย พร้อมสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้าง new S-Curve กับประเทศ ด้วยสินค้าเกษตรเทคโนโลยีสูง พลาสติกชีวภาพ โอลีโอเคมี น้ำมันเชื้อเพลิง อุตสาหกรรมยานยนต์ EV ชิพเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ดีพร้อมยกระดับและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมให้แก่ภาคอุตสาหกรรมทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ตามนโยบาย "RESHAPE THE FUTURE" : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต ด้วยการเร่งปฏิรูประบบการให้บริการของภาครัฐให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงบริการของดีพร้อมผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างครบวงจร

อย่างไรก็ตาม ดีพร้อมได้ยกระดับ และปรับปรุงรูปแบบและกลไกการดำเนินการของ "ศูนย์บริการธุรกิจอุตสาหกรรมดีพร้อม หรือ DIPROM BSC" ให้สามารถทำหน้าที่เป็น Front Desk หรือหน้าต่างการให้บริการบานแรกของดีพร้อมที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด "RESHAPE DIPROM BSC" โดยมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพการใช้ทรัพยากรต่างๆ ขององค์กร ประกอบด้วย บุคลากร ผู้ให้บริการ ข้อมูลที่สำคัญและคลังความรู้ในการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม เครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในการให้บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับผู้รับบริการ ซึ่งการดำเนินการในรูปแบบใหม่นี้ จะขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ BSC ประกอบด้วย B : Branding สร้างการรับรู้และเข้าถึง ช่องทางของ DIPROM BSC S : Satisfaction สร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการในการเข้าถึงบริการของดีพร้อมได้อย่างง่าย สะดวก และมีคุณภาพ C : Change ปรับเปลี่ยน/พลิกโฉมพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกของศูนย์ฯ รวมถึงการมอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม โดยจะดำเนินการทั้งในส่วนกลาง และในพื้นที่ภูมิภาค อีก 12 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศ นอกจากนี้ ดีพร้อมได้เพิ่มศักยภาพและยกระดับช่องทางการให้บริการออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล "DIPROM E-Service" ที่อยู่ภายใต้การพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรม Ecosystem เพื่อรองรับการให้บริการต่างๆ ของทุกหน่วยงานของดีพร้อมให้เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

2อุตฯยานยนต์วิกฤต ส.อ.ท.โอดใกล้เคียง 'ต้มยำกุ้ง' (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 25 กันยายน 2567)

  นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์เดือนสิงหาคม 2567 ทั้งสิ้น 119,680 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ถึง 20.56% เพราะผลิตเพื่อขายในประเทศและลดลง 40.49% และผลิตเพื่อส่งออกลดลง 6.62% สาเหตุจากการผลิตรถกระบะลดลง และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ 4.12% ส่วนยอดผลิตได้เดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 รวม 1,005,749 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 17.69% ทั้งนี้ สำหรับการผลิต เพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 36,892 คัน เท่ากับ 30.83% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ถึง 40.49% และเดือนมกราคม - สิงหาคม 2567 ผลิตได้ 319,240 คัน เท่ากับ 31.74% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - สิงหาคม 2566 ที่ 38.13% ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเดือนสิงหาคม 2567 ผลิตได้ 82,788 คัน เท่ากับ 69.17% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ที่ 6.62% ส่วนเดือนมกราคม-สิงหาคม 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 686,509 คัน เท่ากับ 68.26 % ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกัน 2.74%ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2567 มีทั้งสิ้น 45,190 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่ 2.60% และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 24.98% เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการให้สินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงโดยหนี้เสีย (NPL) รถยนต์ ณ ไตรมาส 2 ของปีนี้ สูงถึง 254,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.7% จากไตรมาส 2 ปีที่แล้ว และเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตในอัตราต่ำ ที่ 2.3% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งกระทบ กำลังซื้อในประเทศ สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนสิงหาคม 2567 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 8,804 คัน ลดลง 3% จากเดือนสิงหาคมปีก่อน ส่งผลให้ 8 เดือนแรกปีนี้ มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 69,047 คัน เพิ่มขึ้น 17.34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้คาดว่ายอดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้จะอยู่ที่ 76,000 คัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ต่ำกว่าเป้า 100,000 คัน ที่ได้ตั้งไว้

อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคมเป็นอีกเดือนที่ยอดผลิต ยอดขาย และยอดส่งออก ลดลงทุกด้าน เห็นตัวเลขแล้วใจหาย ยอดลดลงต่ำกว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 สถานการณ์น้องๆ ช่วงต้มยำกุ้ง คาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะดีขึ้นจากรัฐบาลใหม่ที่มีนโยบายหลายข้อที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เช่น การแจกเงินหนึ่งหมื่นบาท เป็นเงินสดซึ่งจำนวนเงินกว่าหนึ่งแสนล้านบาท การแก้ไข หนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เป็นต้น รวมทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ก็ทันใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ด้วย และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงถึง 0.50 และอาจจะลดอีกครั้งในปีนี้

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร

กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

3. บสย.จับมือสถาบันการเงิน ค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูกช่วย SMEs (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 25 กันยายน 2567)

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. ได้ผนึกความร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างๆ จัด "โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก" ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 "บสย. SMEs ยั่งยืน" คิดอัตราค่าธรรมเนียม 1.5-1.75% ต่อปี ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2-4 ปีแรก ค้ำประกันให้กับกลุ่ม "สินเชื่อดอกเบี้ยถูก" ของธนาคารต่างๆ อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปี ช่วยผู้ประกอบการประหยัดต้นทุน และลดภาระทางการเงิน เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถต่อยอดและพลิกฟื้นได้ สำหรับสินเชื่อดอกเบี้ยถูกของสถาบันการเงินต่างๆ ที่มี บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 "บสย. SMEs ยั่งยืน" อาทิ สินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, สินเชื่อ SME Green Productivity ของ SME D Bank, สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ ของธนาคารกรุงเทพ, สินเชื่อ เงินกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับ SMEs ของธุรกิจ ของธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น นอกจากนี้ บสย. ยังได้ร่วมกับธนาคารออมสิน ค้ำประกันโครงการ สินเชื่อ IGNITE THAILAND วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท ค้ำประกันสูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย สอดรับนโยบายรัฐบาล และวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ช่วยลดภาระผู้ประกอบการ SMEs ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก และปีที่ 3 - 4 จ่ายค่าธรรมเนียม 0.75% ต่อปี โดยธนาคารออมสิน คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก จะช่วยผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มต่างๆ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ในต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ ภายใต้การสนับสนุนจากภาครัฐ ช่วยให้ SMEs ที่ต้องการสินเชื่อไปลงทุน ขยายกิจการ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ระหว่างการพลิกฟื้น สามารถประคับประคอง และผ่านพ้นไปได้ ซึ่งโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 "บสย. SMEs ยั่งยืน" มีสิทธิประโยชน์ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2-4 ปีแรก ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ รวมทั้งการขยายวงเงิน ค้ำประกันสินเชื่อต่อราย ด้วยอัตราค่าธรรมเนียมต่ำ วงเงิน ค้ำประกันต่อรายตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 40 ล้านบาท ระยะเวลาการค้ำประกันนานสูงสุด 10 ปี

 

ข่าวต่างประเทศ

A close up of a flag

Description automatically generated

 

4. สหรัฐจ่อแบนยานยนต์เชื่อมต่อ ที่มีเทคโนโลยีจากจีน-รัสเซีย (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 25 กันยายน 2567)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ได้มีการดำเนินการแบนการจำหน่ายรถยนต์เชื่อมต่อ ที่นำเทคโนโลยีของจีนและรัสเซียมาใช้ โดยอ้างถึงความเสี่ยงต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยกฎระเบียบดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่เข้มงวดยิ่งขึ้นของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ที่มีต่อจีน และเกิดขึ้นหลังรัฐบาลวอชิงตันประกาศการสอบสวนความเสี่ยงด้านความมั่นคง อันเกิดจากเทคโนโลยีของจีนในรถยนต์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ถูกรวมเข้ากับรถยนต์สมัยใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ส่วนตัว, ยานพาหนะอื่นๆ, โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐ และผู้ผลิต รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และรถยนต์ไร้คนขับ โดยกฎระเบียบใหม่ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ครอบคลุมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อรถยนต์กับโลกภายนอก

อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงระบบเหล่านี้โดยมีเจตนามุ่งร้าย อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึง และรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนที่สุดของเรา ตลอดจนควบคุมรถยนต์บนท้องถนนของสหรัฐจากระยะไกลได้ ซึ่งสำนักงานอุตสาหกรรมและความมั่นคง ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ประกาศมาตรการใหม่ ทั้งนี้ แม้รัฐบาลวอชิงตันไม่ได้ระบุว่า กฎระเบียบดังกล่าวมีแนวโน้มบังคับใช้กับผู้ผลิตรายไหน หรือรถยนต์รุ่นใด แต่ทางการจีนตอบสนองต่อรายงานเกี่ยวกับการแบนข้างต้น โดยเตือนว่า สหรัฐไม่ควรดำเนินการ "เลือกปฏิบัติ" ต่อบริษัทต่างๆ ของจีน

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)