ข่าวประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567

ข่าวในประเทศ

A person smiling at a microphone

Description automatically generated

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. ปั้นต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ หนุนลดก๊าซเรือนกระจกระดับพื้นที่ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ครั้งที่ 2/2567 ที่มี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมี นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมด้วย ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบวาระ 4 เรื่อง ทั้งนี้ ประกอบด้วย 1.หลักการสัญญารับเงินอุดหนุน (Grant Agreement) ภายใต้โครงการ Thai - German Cooperation on Energy, Mobility, and Climate (TGC EMC) จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี 234 ล้านบาท โดยเป็นเงินอุดหนุนเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม 150 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) ให้กับภาคธุรกิจโรงแรมที่พัก ธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า รวมถึงการปรับตัวและลดผลกระทบ ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 2. โครงการพัฒนาต้นแบบชุมชนคาร์บอนต่ำ เพื่อสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับพื้นที่ ด้วยภาคประชาชน เป็นต้นแบบขยายผลและสร้างการรับรู้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ มุ่งเป้าการมีส่วนรวมเครือข่ายภาคประชาชนลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ 3. มาตรการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตราย และโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบ ต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาสังคม จากกรณีข่าวการรั่วไหลของสารแคดเมียมเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา และ 4. มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ประกอบด้วย มาตรการจัดการไฟในพื้นที่เกษตร การควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง การจัดการหมอกควันข้ามแดน รวมถึงกลไกในการบริหารจัดการในการตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค และศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ระดับจังหวัด

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 5 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับโครงการไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว 2. โครงการอ่างเก็บน้ำแม่สกึ๋น 2 อำเภอ สองจังหวัดแพร่ 3. โครงการทางพิเศษ ยกระดับชั้นที่ 2 (งามวงศ์วาน - พระราม 9) 4. โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและชนิดหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด และ 5. โครงการทางหลวงหมายเลข 118 ตอน บ้านแม่เจดีย์ - อำเภอแม่สรวย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระหว่างประเทศ และบรรเทาปัญหาการจราจรให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และเชียงราย

 

นายณัฐพล รังสิตพล

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

2. บอร์ดกองทุนฯ เอสเอ็มอี กำชับธพว.เร่งปล่อยกู้ผู้ประกอบการ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567)

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมได้ติดตามการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) วงเงิน 1,200 ล้านบาท พบว่ามีผู้ประกอบการยื่นคำขอสินเชื่อแล้วกว่า 800 ล้านบาทส่วนโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) วงเงิน 700 ล้านบาท มีผู้ประกอบการยื่นคำขอสินเชื่อแล้วกว่า 200 ล้านบาท (รวม 2 โครงการกว่าพันล้านบาท)พร้อมกำชับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)เร่งวิเคราะห์อนุมัติสินเชื่อให้เร็วขึ้น พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติ ตามรายงานสถานการณ์สาธารณภัยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 11 ตุลาคม 2567) ใน 11 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน พะเยา ลำพูน สุโขทัย ภูเก็ต อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ รวม 48 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 35.21 ล้านบาทโดยความเสียหายที่เกิด ได้แก่ โรงงาน เครื่องจักร วัตถุดิบ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ประชุมคณะอนุ กรรมการจัดงานร้านกระทรวงอุตสาหกรรมในงานกาชาด ประจำปี 2567 เพื่อเตรียมการจัดงานกาชาด ร้านกระทรวงอุตสาหกรรม ประจำปี 2567 โดยได้มีการแจ้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ และได้พิจารณารายละเอียดสำคัญหลายประการเกี่ยวกับการจัดนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นภายในร้านกระทรวงอุตสาหกรรมในงานกาชาดปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 6 รอบ โดยธีมหลักของร้านค้ากระทรวงอุตสาหกรรมคือ "อุตสาหกรรมรวมใจภักดิ์ ๗๒ พรรษา ทศมราชา" เพื่อสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองในภาคอุตสาหกรรมไทยและความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

อย่างไรก็ตาม ได้อนุมัติงบประมาณในการจัดจ้างออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งร้าน และการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในร้านกระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้รับจัดสรรพื้นที่ในรูปแบบของโซนนิทรรศการ การจัดแสดงเวที และจุดจำหน่ายสลากและของรางวัลต่างๆที่จะจัดเตรียมไว้สำหรับผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงการหารือถึงงบประมาณในการจัดสรรรางวัลสลากกาชาดของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะจัดทำสลากจำนวน 60,000 ฉบับ เพื่อนำรายได้ไปสนับสนุนกิจกรรมของสภากาชาดไทย โดยรางวัลใหญ่สำหรับสลากกาชาดในปีนี้ประกอบด้วย รถยนต์ไฟฟ้า 2 คัน รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 4 คัน ทองคำ และ Smart TV เป็นของรางวัลให้กับผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมกับกระทรวงอุตสาหกรรม

 

นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง

อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย

 

3. ส.อุตฯ ก่อสร้างจับมือสภาหอฯชงรัฐบาลอุ้มผู้รับเหมาตัวเล็ก (ที่มา: ดอกเบี้ยธุรกิจ, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567)

นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมมีแนวทางช่วยเหลือบริษัทผู้รับเหมารายเล็ก หรือธุรกิจ                         เอสเอ็มอี ให้มีสภาพคล่องที่ดี ล่าสุดได้ร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยช่วยผลักดันข้อเสนอต่อรัฐบาลแพทองธาร ให้สถาบันการเงินผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อได้และเป็นหนึ่งในเฟืองจักรสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงการชะลอขึ้นค่าแรงที่น่ากังวล สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อส่งผลกระทบโดยเฉพาะผู้รับเหมาและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือสนับสนุนสินเชื่อ ทั้งนี้ ในกรณีค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาคการส่งออก อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และรวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติส่วนกรณีสงครามการสู้รบในตะวันออกกลางมองว่า กระทบต่อราคาน้ำมัน แต่ที่กระทบมากกว่าคือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทภายในปีนี้ ของรัฐบาลซึ่งจะกระทบผู้รับเหมารายใหญ่ที่มีงานในมือค่อนข้างมาก ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางสาวลิซ่า งามตระกูลพานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เป็น 4.75-5.0% รวมทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างหรือไม่นั้น ถึงแม้ว่าต่างประเทศมีการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ประเทศไทยว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องดูว่าสถาบันทางการเงินจะปล่อยกู้หรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้แก่บริษัทภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์หรือไม่ต่อให้ต่างประเทศ มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่ไทยยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนความกังวลของเอกชน ถึงกรณีดังกล่าวนั้น ปัจจุบันภาคเอกชนมีการหารือร่วมกับสมาคมมาโดยตลอดซึ่งการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดไม่กระทบกับไทย ซึ่งเราต้องดูสถานการณ์ในไทยเป็นหลัก เพราะเราไม่สามารถกู้เงินนอกประเทศได้อยู่แล้ว นอกจากนี้หากไทยมีการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งค่าเงินแข็งค่าหรืออ่อนค่าจะกระทบต่อการสั่งซื้ออุปกรณ์หรือจัดหาเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรมบ้างแต่ยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากเวลาการสั่งซื้อสิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งการชำระเงินและการรับอุปกรณ์หรือเครื่องจักร

 

ข่าวต่างประเทศ

 

4. แบงก์ชาติจีนประกาศลดดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปีลง 0.25% ตามคาด (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567)

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.25% สู่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.35% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.25% สู่ระดับ 3.6% จากระดับ 3.85% ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า การดำเนินการของ PBOC ในวันนี้สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และสอดคล้องกับที่พาน กงเซิ่ง ผู้ว่าการ PBOC แถลงในการประชุมด้านการเงินที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า อัตราส่วนการกันสำรอง (RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ อาจลดลงอีก 0.25-0.50% ภายในสิ้นปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งเปิดโอกาสสำหรับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายด้านนโยบายเพิ่มเติม  

 

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)