ข่าวในประเทศ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. 'เอกนัฏ' ขับเคลื่อนอุตฯ ใหม่-ดูแลปชช. กางแผนปีงบ 68 คลอด 512 มาตรฐาน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ประกาศเดินหน้าขับเคลื่อน ภาคอุตสาหกรรมไทย หลังเข้ารับตำแหน่ง ประกอบด้วย 1. การกำจัดขยะมลพิษที่ทำร้ายชีวิตประชาชนหลายที่หลายจุด 2. เดินหน้าปกป้องอุตสาหกรรม จากพฤติกรรมการบิดเบือนตลาด การทุ่มตลาด เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งเซฟอุตสาหกรรมไทย ต้องช่วยธุรกิจขนาดเล็ก ให้ทำมาค้าขายด้วยระบบโปร่งใส และ 3. การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ให้เติมเต็มห่วงโซ่อุตสาหกรรมในปัจจุบัน เพื่อให้อุตสาหกรรมเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยล่าสุด 2 ใน 3 นโยบายกำลังเดินหน้าอย่างเข้มข้น เพราะได้เร่งรัดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำหนดมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะมาตรฐานในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การเกษตรและเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ หวังเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จำเป็นต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าในเวทีการค้าโลก นอกจากนี้ ยังเร่งรัดให้ สมอ.ยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 144 รายการ ครอบคลุมสินค้า 308 ผลิตภัณฑ์ ที่ผู้ประกอบการทั้งทำ นำเข้า และจำหน่าย จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน รวมทั้งเพิ่มความถี่และความเข้มงวด ในการตรวจควบคุมสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดและทางออนไลน์ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการกำหนดมาตรฐาน ประจำปี 2568 ที่บอร์ดเห็นชอบในครั้งนี้ เป็นการขออนุมัติในครั้งแรก ซึ่งจะมีการขออนุมัติเพิ่มเติมอีกในการประชุมครั้งต่อๆ ไป เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และการคุ้มครองประชาชน โดยในจำนวน 512 มาตรฐานนี้ เป็นมาตรฐานที่ สมอ.ดำเนินการ จำนวน 457 มาตรฐาน และมาตรฐานที่จัดทำโดย SDOs หรือองค์กรกำหนดมาตรฐานของ สมอ. เช่น กรมวิทยาศาสตร์บริการ สถาบันยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานอีกจำนวน 55 มาตรฐาน เช่น กล่องเก็บสายสัญญาณ แผ่นยางรองรางสำหรับรถไฟความเร็วสูง ท่อลงน้ำมันสำหรับรถบรรทุก โรลเลอร์สำหรับนวดและบริหารกล้ามเนื้อ โฟมดูดซับน้ำมัน รองเท้าบู๊ตยางพารา ยางกั้นล้อ แผ่นยางป้องกันการพังทลายของตลิ่ง หมวกนิรภัยยางพารา เสาหลักนำทางจากยางพารารวมทั้งยางหุ้มกำแพงคอนกรีตจากยางพารา กรวยยางธรรมชาติอุดรูระเบิดสำหรับการระเบิดทางวิศวกรรม ชุดตรวจสอบสิ่งปนเป้อนในอาหารฮาลาล ดวงโคมไฟฟ้าแอลอีดีพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับให้แสงสว่างบนถนน และถ่านชีวภาพเพื่อการเกษตร เป็นต้น
นายวิทยากร มณีเนตร
ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์
2. พิชัยยกทีมเยือนจีน ขยายช่องทางการค้าบริการ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567)
นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชน เดินทางไปประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าและบริการของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนในงาน China International Import Expo - CIIE ครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นงานมหกรรมแสดงสินค้านานาชาติประจำปีที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้นของจีน และจัดครั้งแรกในปี 2561 โดยปีนี้จัดขึ้น ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมระหว่างประเทศนครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai National Exhibition and Convention Center) โดยในการเดินทางไปครั้งนี้ นายพิชัยมีโอกาสที่จะพบปะหารือกับนายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน และจะใช้โอกาสนี้ขอบคุณที่เชิญไทยเข้าร่วมงาน CIIE ผลักดันให้มีการจัดประชุม JC เศรษฐกิจไทย-จีนในระดับรองนายกรัฐมนตรี ในการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การขยายความร่วมมือในระดับเมืองและมณฑล ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้ร่วมมือกับจีนแล้ว 4 เมือง/มณฑล คือ ไห่หนาน กานซู่เซินเจิ้น และยูนนาน มีแผนที่จะทำเพิ่มเติม ได้แก่ เจ้อเจียง กว่างซีจ้วง ฝูเจี้ยน (เมืองเซี่ยเหมิน) ซานซี เฮยหลงเจียง เหอเป่ย ซานตง และจี๋หลิน การร่วมมือด้านอี-คอมเมิร์ซ และจะใช้โอกาสนี้ผลักดันร้านอาหาร Thai SELECT ให้เป็นที่รู้จักในจีนเพิ่มขึ้น รวมทั้งเชิญชวนให้จีนมาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย นอกจากนี้ จะเข้าร่วมพิธีเปิดงาน China International Import Expo ครั้งที่ 7 โดยคาดว่านายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะให้เกียรติเป็นประธานเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้นำผู้ประกอบการไทย 20 บริษัท เข้าร่วมงาน โดยเน้นสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม Soft Power อาทิ อาหาร ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และธุรกิจบริการเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ และยังมีการประชาสัมพันธ์ตรา Thai SELECT และสินค้าข้าวไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับสินค้าส่งออกหลักของไทยไปจีน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง 2. ผลิตภัณฑ์ยาง 3. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 4. เม็ดพลาสติก 5. ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และสินค้านำเข้าหลักของไทยจากจีน ได้แก่ 1. เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 2. เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 3. เคมีภัณฑ์ 4. เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 5. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ
นายนาวา จันทนสุรคน
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
3. 'ชัยเสรี' วอนรบ.หนุนอุตฯ ป้องกันประเทศ รื้อภาษีนำเข้ารถเกราะช่วยไทยแข่งขันได้ (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567)
นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมบริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด จังหวัดปทุมธานี เพื่อศึกษา เรียนรู้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ส่งเสริมการสร้างผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำด้วยฝีมือคนไทย 100% โดยมีบริษัท ชัยเสรี รับเบอร์ อินดัสทรี จำกัด ได้ออกใบรับรองสินค้า Made in Thailand (MiT) กับ ส.อ.ท. มาเป็นแต้มต่อให้ภาครัฐซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทชัยเสรีฯมีบทบาทในฐานะผู้ผลิต ซ่อม และส่งออกรถหุ้มเกราะสัญชาติไทยไปประจำการในกองทัพขององค์กรสหประชาชาติ หรือ UN และอีกกว่า 46 กองทัพทั่วโลก ธุรกิจมีปัจจัยท้าทายหลายด้าน เช่น การแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่จากต่างประเทศ ความผันผวนของค่าเงิน และกฎระเบียบการส่งออกที่ เข้มงวด อีกทั้งต้องพัฒนามาตรฐานการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธี ที่ซับซ้อนขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายกานต์ กุลหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้เยี่ยมชมโรงงาน กระบวนการผลิตรถเกราะล้อยาง First Win 4x4 รถเกราะล้อยาง 8x8 โรงผลิตชิ้นส่วน โรงผลิตโครงสร้างกระดองรถถัง โรงซ่อมและทดสอบเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง โรงประกอบรถเกราะล้อยาง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่โรงงาน 87 ไร่ พื้นที่ 140,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตบนพื้นที่ 111 ไร่ ที่จังหวัดสระบุรี คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2568 วงเงิน 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลพิจารณาปรับอากรนำเข้าวัตถุดิบและอากรนำเข้าสินค้าสำเร็จรูปในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เหมาะสม เพราะปัจจุบันหาก นำเข้ารถเกราะทั้งคันภาษี 0% ขณะที่วัตถุดิบเสียภาษีปกติ ทำให้การผลิตรถเกราะของไทยไม่สามารถแข่งขันได้
ข่าวต่างประเทศ
4. เงินเฟ้อเกาหลีใต้เดือนต.ค. แตะ 1.3% ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567)
สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคม 2567 ของเกาหลีใต้ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดใน 45 เดือน และอยู่ต่ำกว่า 2% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนี CPI ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนที่แล้ว เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนกันยายน โดยตัวเลขเดือนตุลาคม 2567 ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ซึ่งในเดือนนั้นดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.9% ทั้งนี้ สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% มาตั้งแต่เดือนเมษายน และลดลงต่ำกว่าอัตราเป้าหมายที่ 2% เป็นครั้งแรกในเดือนกันยายน โดยราคาสินค้าเกษตร ปศุสัตว์ และประมงโดยรวมเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ราคาผักเพียงอย่างเดียวพุ่งสูงขึ้น 15.6% เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
อย่างไรก็ตาม ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลง 10.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนตุลาคม 2567 เนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนตุลาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกันยายน โดยกระทรวงการคลังเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า เกาหลีใต้จะบรรลุอัตราเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ได้ภายในสิ้นปี 2567 และคาดว่าราคาในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.6%
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)