ข่าวประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567

ข่าวในประเทศ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

1. "พิชัย" เปิด Thailand Pavilion ยกทัพเอกชน โชว์เสน่ห์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567)

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิด Thailand Pavilion แสดงภาพลักษณ์ประเทศไทย ในฮอลล์ Country Exhibition ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน China International Import Expo หรืองาน CIIE ครั้งที่ 7 ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ จำนวน 20 บริษัท อาทิ อาหาร ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และธุรกิจบริการเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ บนพื้นที่กว่า 250 ตารางเมตร คาดเกิดมูลค่าเจรจาการค้าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท และสาธิตการทำอาหาร เมนูแกงมัสมั่น บริโภคกับข้าวหอมมะลิไทย เพื่อแจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองชิม และช่วยโปรโมตซอฟต์พาวเวอร์ไทยด้วย ทั้งนี้ งาน CIIE เป็นงานที่ประเทศจีนจัดเพื่อเปิดกว้างสำหรับทุกประเทศให้เข้ามาขายของ ถือว่าเป็นโอกาสดีของไทยในการเข้ามา ครั้งนี้มี 80 บริษัทเข้าร่วม โดยเป็นของกระทรวงพาณิชย์ 20 บริษัท มีทั้งเรื่องอาหารไทย ซอฟต์พาวเวอร์ ฟิล์ม มวย และข้าว สำหรับการโปรโมตซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยในจีน ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ในจีน 7 แห่ง ได้ผนึกกำลังกันโปรโมตอย่างเต็มที่ โดยใช้โอกาสช่วงที่ภาพยนตร์ "หลานม่า" เข้าไปฉาย ได้ร่วมมือกับร้านอาหาร Thai SELECT 37 แห่ง ใน 13 เมือง (ปักกิ่ง ชิงต่าว หนานจิง ซูโจว เซี่ยงไฮ้ หางโจว เซี่ยเหมิน ฝูโจว กวางโจว หนานหนิง คุนหมิง ฉงชิ่ง และเฉิงตู) ในการเป็นจุดโปรโมต และบางร้านได้จัดเสิร์ฟเมนูพิเศษจากภาพยนตร์หลานม่า เช่น ปลาทอดสมุนไพร ก๋วยเตี๋ยว และโจ๊กอาม่า เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้ลิ้มลองรสชาติเมนูจากภาพยนตร์ดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเชื่อว่าประเทศจีนจะเป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติสูงสุดในโลกและหวังว่าประเทศไทยจะร่วมมือกับจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยกัน ปัจจุบันประเทศจีนมีการลงทุนในประเทศไทยสูงที่สุด หวังว่าการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีนจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าทางจีนจะเห็นไทยเป็นคู่ค้าและเป็นพี่น้องกัน ขอบคุณประเทศจีนที่เปิดกว้าง เราจะขายของให้ประเทศจีนได้มากขึ้น ทั้งนี้ อยากเห็นการค้าไทยขยายตัวมากๆ เห็น GDP เราทะลุเกิน 4-5% ขึ้นไป อยากตามจีนให้ทัน ในความรู้สึกของคนไทยคนจีนมีความผูกพันกันเยอะ และปีหน้าจะเป็นปีที่จะเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 

9. กกร.ปรับเพิ่มเป้าจีดีพีเหตุส่งออกโต-เงินรัฐเข้าระบบ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลัง การประชุม กกร.ว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8% สูงกว่าประมาณการเดิม จากแรงขับเคลื่อนของการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากวัฏจักรขาขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งผลให้การส่งออกสามารถเติบโตได้ 2.5-2.9% สูงกว่าประมาณการเดิม ประกอบกับ มีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นกำลังซื้อ และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ นอกจากนี้ มาตรการภาครัฐทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่กำลังจะทยอยออกมา อาทิ การช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและกลุ่มผู้ประกอบการ SME การปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่ประชุม กกร.จึงปรับเพิ่มกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2567 ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 2.6 ถึง 2.8% จากเดิมประมาณการไว้ที่ 2.2 ถึง 2.7% และปรับตัวเลขประมาณการภาคการส่งออก ในกรอบ 2.5 ถึง 2.9% จากเดิม 1.5 ถึง 2.5% ส่วนเงินเฟ้อยังคงไว้ที่ 0.5-1.0 โดย ในระยะถัดไปเศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์น้ำท่วมเฉียบพลันในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ สะท้อนจากผลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประกอบกับปัญหาสินค้าทุ่มตลาดที่ยังคงกดดันยอดขายของผู้ประกอบการในประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เช่น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และมาตรการเพิ่มกำลังซื้อคูณ 2 เช่น E-Receipt เป็นต้น ในช่วงต้นปีหน้า ให้กับประชาชน รวมทั้งการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาว ส่งเสริมการลงทุน โดยตรงจากต่างประเทศ โดย กกร. สนับสนุนการปรับกฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินระยะยาว 99 ปี และจะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีความเข้าใจในรายละเอียด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สูงสุด ต่อระบบและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

A person sitting in a chair holding a tablet

Description automatically generated

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

 

3. ต.ค.เงินเฟ้อพุ่ง 0.83% หลังอาหาร-น้ำมัน-ค่าไฟแพงขึ้น (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยเดือนตุลาคม 2567 เท่ากับ 108.61 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งเท่ากับ 107.72 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 0.83 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยปัจจัยสำคัญมาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสดและผลไม้สด ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลและค่ากระแสไฟฟ้าได้มีการปรับสูงขึ้น เนื่องจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน ซึ่งมีมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจากภาครัฐมากกว่าปีนี้ขณะที่ราคาแก๊สโซฮอล์ปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาพลังงานในตลาดโลกสำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก โดยดัชนีราคาผู้บริโภทั่วไป เฉลี่ย 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม) ของปี 2567เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 สูงขึ้นร้อยละ 0.26 (AoA) สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้นร้อยละ 0.77 (YoY) ทรงตัวเท่ากับเดือนกันยายน 2567 ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.77 (YoY) โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนตุลาคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2567 ลดลงร้อยละ 0.06 (MoM) ตามการลดลงของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ผักสดบางชนิด ผลไม้บางชนิด และหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายน 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนตุลาคม 2567 โดยปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น ได้แก่ 1. ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร 2. ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น 3. สินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่วนปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่ 1. ราคาน้ำมันดิบ ในตลาดโลกมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้า 2. ราคาผักสดกลับเข้าสู่ระดับปกติ เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวของอุทกภัยและน้ำท่วมหนักในบางพื้นที่สิ้นสุดลง และ 3. คาดว่าผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.2-0.8 (ค่ากลาง ร้อยละ 0.5) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนตุลาคม 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.9 จากระดับ 51.6 ในเดือนก่อนหน้า เป็นการปรับเพิ่มมาอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2

 

ข่าวต่างประเทศ 

A flag with a red blue and black circle

Description automatically generated

 

4. เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันเดือนที่ 5 หลังส่งออกแกร่ง (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567)

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนกันยายน เนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง โดยข้อมูลที่เผยแพร่ระบุว่า บัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้เกินดุล 1.112 หมื่นพันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน 2567 หลังจากที่เกินดุล 6.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ บัญชีสินค้าเกินดุล 1.067 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน หลังจากเกินดุล 6.520 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามการส่งออกเพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกันยายน สู่ระดับ 6.167 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.9% สู่ระดับ 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บัญชีบริการขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 2.24 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกันยายน จากที่ขาดดุล 1.23 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก่อนหน้า

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)