ข่าวในประเทศ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. กระทรวงอุตฯ ชู 41 องค์กรต้นแบบ เตรียมรับรางวัลจากนายกรัฐมนตรีในงานมอบ "รางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2567" (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2567)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมจัดงานมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 (The Prime Minister’s Industry Award 2024) ในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นี้ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยได้รับเกียรติจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัลให้แก่สถานประกอบการที่มีความเป็นเลิศ ทั้งในด้านการเพิ่มผลผลิต คุณภาพ ความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ความรับผิดชอบต่อสังคม เศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเชิดชูเกียรติ และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประกอบการที่พัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมและชุมชนโดยรวมของประเทศ สำหรับการพิจารณารางวัลอุตสาหกรรมประจำปี พ.ศ. 2567 จะมุ่งเน้นให้รางวัลกับสถานประกอบการที่มุ่งสู่การพัฒนาและปรับเปลี่ยนการประกอบการภาคอุตสาหกรรม ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะดวก สะอาด โปร่งใส” ภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ” ที่ “เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน” โดยเน้นมาตรการและกลไกมุ่งสู่ความสำเร็จ 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจ มิติที่ 2 ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวมส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างสถานประกอบการ ชุมชน และสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตร มิติที่ 3 ความลงตัวกับกติกาสากล ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อโอกาสทางธุรกิจมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตอบโจทย์ไทยและประชาคมโลก และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง (กระจายรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน)
อย่างไรก็ตาม ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 (The Prime Minister’s Industry Award 2023) มีจำนวน 14 ประเภทรางวัล มีผู้ได้รับรางวัลจำนวน ทั้งสิ้น 41 รางวัล และสถานประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (โรงงานเกตเวย์) จังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถดูรายชื่อผู้ได้รับรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2567 ได้ที่เว็บไซต์กระทรวงอุตสาหกรรม โดยแบ่งประเภทรางวัล ดังนี้ 1. รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล 2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 23 รางวัล 3. รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 17 รางวัล
นายพิชัย นริพฑะพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2. 'พิชัย' หารือทูตเมืองผู้ดี เร่งจัดทำ FTA 'ไทย-UK' (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2567)
นายพิชัย นริพฑะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือนายมาร์ค กุดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำ FTA ไทยกับ UK เพื่อขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน สอดคล้องกับนโยบายการเร่งสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โดยทั้งสองประเทศต่างเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน ผ่านกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจและการค้า (JETOO) ไทย-สหราชอาณาจักร ในระดับรัฐมนตรีเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะภายใต้กรอบการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น ผ่านกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจครอบคลุมสาขาที่สองประเทศมีศักยภาพและทรัพยากรส่งเสริมกัน เช่น การเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม การลงทุน การท่องเที่ยว และสุขภาพ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจกับนายดักลาส อเล็กซานเดอร์ รัฐมนตรีการค้าของสหราชอาณาจักร ไปเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะจัดการประชุม JETCO ไทย - UK ครั้งที่ 2 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานร่วมกันในปี 2568 และ เป็นโอกาสดีในการเฉลิมฉลองครบ 170 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันด้วย ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำกับ UK ในการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพิจารณาเจรจา FTA ระหว่างกันในอนาคต ซึ่งเป็นแนวนโยบายการทูตพาณิชย์เชิงรุกที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และหากจัดทำ FTA ร่วมกันได้ จะเป็นก้าวสำคัญที่ส่งเสริมให้มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งภาคธุรกิจของทั้งไทยและ UK ต่างก็สนับสนุนการเริ่มเจรจาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ได้ขอบคุณ UK ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพิจารณารับไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนดีอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศในไทยให้เป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่นมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือบริการเป้าหมายที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน เช่น อุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Center) ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล
ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน
3. หอไทย-จีนมั่นใจศก.ปี 68 โต 2.7-3% (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2567)
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนประจำไตรมาส 1/2568 ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม 2567 เกี่ยวกับประเด็นผลกระทบหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ได้นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ชนะ ที่มีนโยบายกีดกันทางการค้า โดยการปรับอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าจากจีนสูงขึ้นถึง 60% จะมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับประเทศไทย เพราะไทยส่งวัตถุดิบ สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ไปยังประเทศจีน จะมีผลให้ไทยส่งออกได้ลดลง ทั้งนี้ จากการสำรวจของหอการค้าไทยจีนพบว่า การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐนั้นมีผู้ตอบแบบสำรวจ 57% เห็นว่าน่าจะส่งผลให้เป็นโอกาสที่ดีต่อประเทศไทย และผู้ตอบแบบสำรวจอีก 23% เห็นว่าจะเป็นโอกาสที่ดีมากกับประเทศไทย โดยน่าจะเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกไปสหรัฐแทนจีน นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจ 44.5% มองว่ามี แนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจีนมายังอาเซียนเพิ่มขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมใหม่ๆ ส่วนผู้ตอบแบบสำรวจอีก 23.4% คาดว่าการย้ายฐานการผลิตอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ส่วนประเด็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ผู้ตอบแบบสำรวจ 75.4% เห็นว่าเป็นไปได้ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีจำนวนมากกว่า 38 ล้านคน ในปี 2567 และผู้ตอบแบบสำรวจ 79% มีความมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะมีจำนวนมากกว่าเป้าหมาย 7 ล้านคนใน ปี 2567 เทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 นับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าสู่ระดับเดิมที่ 40 ล้านคน และในจำนวนนั้นเป็นชาวจีน 10 ล้านคน ทั้งนี้ หากปีหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งผู้ตอบแบบสำรวจ 48% ลงความเห็นว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะโตอยู่ระหว่าง 2.7-3.0% ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 29% คาดว่าปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะ โตต่ำกว่า 2.7% มีเพียงส่วนน้อยที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตมากกว่า 3%
ข่าวต่างประเทศ
4. สหรัฐเผยดัชนี CPI +2.7% เดือนพ.ย. สอดคล้องคาดการณ์ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2567)
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 2.6% ในเดือนตุลาคม โดยเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนพฤศจิกายน สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.2% ในเดือนตุลาคม ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 3.3% ในเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือพฤศจิกายน สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนตุลาคม
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)