ข่าวประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567

ข่าวในประเทศ

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

1. คิกออฟของขวัญปีใหม่ลดค่าครองชีพ (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567)

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธาน Kick Off "พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2025" ภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลณลานอเนกประสงค์ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ว่า งานดังกล่าวเป็นการจัดภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนและส่งมอบความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้า ผู้จำหน่าย ร้านสะดวกซื้อห้างค้าปลีกค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ห้างท้องถิ่น และแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 300 ราย รวม 44,919 สาขาทั่วประเทศ นำสินค้าราคาถูกกว่า 40,000 รายการ มาลดราคาสูงสุดถึง 80% ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2568 รวม 46 วัน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพคนไทยทั้งประเทศ คาดว่าจะช่วยลดค่าครองชีพได้กว่า 4,800 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้กว่า 14,400 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับสินค้าที่นำมาลดราคา ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของแต่งบ้าน อุปกรณ์ช่าง ยาและเวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์ศูนย์บริการรถยนต์ โรงแรมที่พัก สายการบิน ประกันภัย บริการอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ ร้านอาหาร และแพลตฟอร์มออนไลน์ (บริการส่งอาหาร ขนส่ง-พัสดุ) และกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน เป็นต้น อีกทั้งยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมมือกับอี-คอมเมิร์ซชั้นนำผ่านแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee, Grab Food, Lineman, Food panda, Robinhood มอบส่วนลดสุดพิเศษในการซื้อสินค้าและบริการช่วงเทศกาลปีใหม่

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่มอบความสุขให้กับคนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ อาทิ จัดงาน Made in Thailand ลดราคาสินค้าส่งออก 20-25% จัดจุดจำหน่ายสินค้าในส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด กว่า 300 จุดทั่วประเทศ มอบส่วนลดแพ็กเกจแฟรนไชส์ ให้บริการข้อมูลความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ฟรี เป็นต้น

 

A person in a blue shirt

Description automatically generated

นางอารดา เฟื่องทอง

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

 

2. เพิ่มกฎนำเข้าเศษพลาสติก สกัดอันตรายต่อสุขภาพ (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567)

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมออกกฎกำหนดมาตรการนำเข้าเศษพลาสติก 2 ฉบับ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการ (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ดังนี้ 1. กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2567 เป็นการอนุญาตให้นำเข้าเศษพลาสติกตามพิกัดศุลกากร 39.15 ในพื้นที่ทั่วไป เฉพาะกรณีที่ไม่มีเศษพลาสติกในประเทศหรือมีในปริมาณไม่เพียงพอ ในปริมาณที่สอดคล้องกับกำลังการผลิตจริงตามนโยบายของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้พิจารณาออกใบอนุญาตนำเข้า ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำเศษพลาสติกเข้ามาใน ราชอาณาจักร พ.ศ.2567 กำหนด ซึ่งจะใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 โดยผู้ประกอบการจะต้องนำเข้าให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 2. กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2567 เป็นการห้ามนำเข้าเศษพลาสติกตามพิกัดฯ 39.15 ในทุกพื้นที่ โดยผู้ประกอบการจะไม่สามารถนำเศษพลาสติกภายใต้พิกัดฯ 39.15 เข้ามาใน ราชอาณาจักรไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ปะปนมากับขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นจำนวนมาก คณะรัฐมนตรีจึงเห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการในการกำกับดูแลการนำเข้าเศษพลาสติกมาใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งสนับสนุนการนำเศษพลาสติกภายในประเทศมาหมุนเวียนเข้าสู่กระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวทาง BCG

 

A person in a blue shirt

Description automatically generated

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม

 

3. ปลดล็อก 'โซลาร์รูฟท็อป' สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567)

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 มีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ... (พ.ศ. ...) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 กำหนดยกเว้นให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ทุกกำลังการผลิต ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานและไม่ต้อง ขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ซึ่งเดิมกฎหมายโรงงานกำหนดให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจาก Solar Rooftop ที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 1,000 กิโลวัตต์ ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน นับเป็นการปลดล็อกเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) มีความตั้งใจส่งเสริมและผลักดันให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเอกชนรายย่อยเข้าถึงการใช้ไฟฟ้าสะอาดจากพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งได้ดำเนินการขับเคลื่อนต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยอดีตรัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้มีความเป็นมิตร ยั่งยืนกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นจุดแข็งสำคัญที่จะ ตอบสนองกติกาสากลและช่วยดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ให้เพิ่มมากขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศแบบ "ซีโร่คาร์บอน" และนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่ "อุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน" ที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างบรรยากาศในการลงทุน และเน้นย้ำเรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนให้มากที่สุด"

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างพิจารณาขยายกรอบการปลดล็อกโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) และ โซลาร์ โฟลทติ้ง (Solar Floating) โดยได้ประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับของพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป

 

ข่าวต่างประเทศ 

A red circle on a white cloth

Description automatically generated

 

4. ญี่ปุ่นส่งออกเพิ่มในเดือนพ.ย.รับเยนอ่อน แต่ยังขาดดุลการค้า 5 เดือนติด (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2567)

กระทรวงการคลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากเงินเยนที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ส่งออก ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน นำโดยการส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปและโลหะที่ไม่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.5% ขณะที่มูลค่าการนำเข้าลดลง 3.8% นำโดยน้ำมันดิบ ส่งผลให้ยอดขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นอยู่ที่ 1.176 แสนล้านเยน ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แม้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่การค้ามีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่มากนัก โดยอุปสงค์จากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปยังคงซบเซาขณะที่ฝั่งจีนปรับตัวขึ้น จากการที่รัฐบาลจีนพยายามส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยมาตรการเชิงรุกต่างๆ แต่เมื่อพิจารณาในเชิงปริมาณแล้ว การส่งออกแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยในรายงานระบุว่า การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 8% และการส่งออกไปยังยุโรปร่วงลง 12.5% ขณะที่การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้น 4.1%

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาในวันนี้แสดงให้เห็นว่า ดุลการค้าของญี่ปุ่นยังคงขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์การค้าโดยรวมน่าจะยังคงฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยการค้าสุทธิก็เป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจในไตรมาส 3/2567 ด้วย

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)