ข่าวประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2567

ข่าวในประเทศ

A person in a suit sitting at a desk

Description automatically generated

นายพรยศ กลั่นกรอง

รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม

 

1. เดินหน้าตรวจสุดซอย (ที่มา: สยามรัฐ, ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2567)

นายพรยศ กลั่นกรอง รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานฯ มีพันธกิจในการบริหารจัดการ กำกับดูแลธุรกิจอุตสาหกรรมให้มีการประกอบการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัย ตามกรอบกฎหมาย และข้อตกลงระหว่างประเทศ ภายใต้นโยบายที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบไว้ "ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่" ผ่านการขับเคลื่อนนโยบาย 3 ด้าน "สู้ เซฟ สร้าง" "สู้" กับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมายทำร้ายประชาชนและสร้างมลพิษ "เซฟ" พี่น้องอุตสาหกรรมไทย สร้างความเท่าเทียม สร้างรายได้ สร้างโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ และ "สร้าง" อุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก สำหรับการจะสู้กับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย ทำร้ายประชาชนและสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมนั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการ กำกับดูแลโรงงานทั่วประเทศ "การปฏิบัติการตรวจสุดซอย" จึงเป็นปฏิบัติ การเชิงรุกในการตรวจสอบกำกับโรงงานเชิงลึกในทุกมิติ ทั้งด้านการติดตั้งเครื่องจักร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการบริหารจัดการสารเคมี วัตถุอันตราย และกากอุตสาหกรรม ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ หลักอาชีวอนามัย เป็นไปตามกฎหมายโรงงาน กฎหมายวัตถุอันตราย และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น พร้อมกับบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยจากประเด็นที่รัฐมนตรีเอกนัฏ ส่งชุดตรวจสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รวอ.พร้อมด้วย นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เข้าตรวจโรงงานในอำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี พบการละเมิดคำสั่งของ กรมโรงงานอุตสาหกรรมถึง 3 ครั้งที่ มีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการ และปิดโรงงาน โดยโรงงานมีการฝ่าฝืน ประกอบกิจการโรงงาน รวมถึงเคลื่อนย้ายของกลาง ติดตั้งเครื่องจักร ติดตั้ง เตาหลอมโลหะโดยไม่มีวิศวกรรับรอง และลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมใน บริเวณบ่อน้ำขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับโรงงานเพิ่มขึ้น และยังพบ "เอกสารลับ" ชี้มีการเบิกจ่ายเงินนอกระบบ ให้กับบุคคลหลายตำแหน่งจากหลาย หน่วยงาน ทำให้เกิดเป็นข่าวในสื่อหลายสำนัก

อย่างไรก็ตาม จากประเด็นดังกล่าว ทางกรมโรงงานฯ มิได้เพิกเฉยแต่อย่างใด การที่โรงงานจงใจฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมหลายครั้ง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หากตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมโรงงานฯ มีส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด ผมมีนโยบายที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กำกับดูแล ตรวจสอบโรงงานให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ผู้มารับบริการตามขั้นตอน ไม่มีเรียกรับสินบน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อคุ้มครองหรือ ดูแลผู้ประกอบกิจการโรงงาน ให้เกิดความเท่าเทียม สร้างรายได้ สร้างโอกาส ในการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมกำชับ เจ้าหน้าที่ "ไม่ปลอดภัย ไม่อนุญาต" การตั้งและประกอบกิจการโรงงานต้องสะอาด สะดวก โปร่งใส ไม่เกรงใจอิทธิพล เพื่อให้อุตสาหกรรมไทย เติบโตอย่างสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยอยู่ร่วมกับสังคมและชุมชนได้อย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐมนตรีเอกนัฏ

 

A person sitting at a microphone

Description automatically generated

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์

รองประธานกรรมการคนที่ 1 หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 

2. ดันใช้มันเส้นผลิตอาหารสัตว์ คาดตลาดมีความต้องการ 1 ล้านตัน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2567)

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการคนที่ 1 หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตร และอาหาร หรือ ศูนย์ AFC (Agriculture and Food Coordination and Public Relations Center) เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาตกต่ำและล้นตลาดร่วมกับภาครัฐและตลาด โดยในวันนี้ ได้ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในและสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งช่วยประสานงานสมาชิกหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด และสมาคมการค้าที่เป็นสมาชิกหอการค้าไทย ในการจัดช่องทางระบายสินค้า "มันเส้น" ที่มีคุณภาพ สะอาด มีมาตรฐาน ไปยังกลุ่มโรงงานหรืออุตสาหกรรมแปรรูปโดยเฉพาะอาหารสัตว์ โดยหอการค้าได้รับข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ และภาคเอกชนที่ผลิตอาหารสัตว์ คาดว่ามีความต้องการใช้มันเส้นในการผลิตอาหารสัตว์ กว่า 2.5 ล้านตันหัวมันสด หรือคิดเป็นมันเส้นประมาณ 1 ล้านตันมันเส้น

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายอดิศร์ กฤษณวงศ์ กรรมการบริหารหอการค้าไทย และประธานคณะธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป ยืนยันว่า ผู้ผลิตอาหารสัตว์ และเลี้ยงสัตว์ในประเทศ มีความยินดีที่จะใช้มันเส้นเพิ่มขึ้นในสูตรอาหารสัตว์ เพราะมันเส้นของไทยมีการพัฒนาขึ้นมาก ราคามันเส้นขณะนี้ก็สามารถใช้ได้ในสูตรอาหารสัตว์ในสัดส่วนได้มากขึ้น แต่ต้องไม่มีการปนเปื้อนของกรวดดินทราย ซึ่งผู้ผลิตมันเส้นก็ได้ยืนยันว่าจะสามารถผลิตมันเส้นให้กับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ได้อย่างมีคุณภาพไม่มีการปนเปื้อนได้แน่นอน อีกทั้งผู้ผลิตอาหารสัตว์ในไทยก็มีความต้องการใช้วัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศมากขึ้นอยู่แล้วจากการที่ขาดแคลนวัตถุดิบหลายๆ ชนิด ซึ่งวัตถุดิบในประเทศจะมีความเสถียรภาพด้านราคาและอุปทานมากกว่า และลดการพึ่งพาวัตถุดิบอาหารสัตว์จากต่างประเทศลง

 

A person in a suit and tie

Description automatically generated

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม

 

3. NPL สินเชื่อรถยนต์พุ่ง เหตุเศรษฐกิจอ่อนแอ-เอกชนลงทุนต่ำ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2567)

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 มีทั้งสิ้น 117,251 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง 28.23% จากการผลิตส่งออกลดลง 20.67% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลง 40.42% และลดลงจากเดือนตุลาคม 2567 ที่ 1.34% โดยจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,364,119 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 กว่า 20.14% สำหรับผลิตเพื่อส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2567 ผลิตได้ 80,022 คัน เท่ากับ 68.25% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ 20.67% ส่วนเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้941,938 คัน เท่ากับ 69.05% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกัน 12.25% ส่วนผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนพฤศจิกายน 2567 ผลิตได้ 37,229 คัน เท่ากับ 31.75% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง 40.42% และเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 ผลิตได้ 422,181 คัน เท่ากับ 30.95% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2566 ที่ 33.48 ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 42,309 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2567 ที่ 12.25% แต่ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ 31.34% จากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอเติบโตในอัตราต่ำที่ 3% ในไตรมาส 3/2567 แต่หนี้เสียรถยนต์เพิ่มขึ้น 22.8% จากไตรมาสสามปีที่แล้วหนี้ครัวเรือนสูงถึง 89.6% ของ GDP ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง ยอดขายบ้านลดลงจากปีที่แล้วรวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในอัตราต่ำ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่งออกได้ 89,646 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว6.30% แต่ลดลงจากเดือนพ.ย. 2566 ที่ 10% เพราะปีที่แล้วฐานสูงและสงครามอิสราเอลกับฮามาสขยายไปหลายพื้นที่ทำให้จำนวนเที่ยวเรือมารับรถน้อยลงรวมทั้งหลายประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจของประเทศจีน ที่ชะลอตัวลง จึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ส่งออกเพิ่มขึ้นตลาดอเมริกาเหนือแห่งเดียว ทั้งนี้ เมื่อรวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 83,857.79 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่ 13.05% โดยเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2567 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 942,717.96 ล้านบาทลดลงจากปี 2566 ที่ 1.37%

 

ข่าวต่างประเทศ 

A red flag with yellow stars

Description automatically generated

 

4. จีนเตรียมอัดฉีดงบประมาณ กระตุ้นการบริโภคในปีหน้า (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2567)

กระทรวงการคลังจีน เปิดเผยว่า จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นการบริโภคในปีหน้า ด้วยการปรับขึ้นเงินบำนาญและเงินอุดหนุนค่ารักษาพยาบาลแก่ประชาชน พร้อมขยายโครงการแลกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค โดยภายหลังการประชุมด้านการคลังระดับชาติ 2 วัน กระทรวงฯ กล่าวว่า จะปรับเพิ่มเงินบำนาญพื้นฐานให้ผู้เกษียณและประชาชนทั้งในเมืองและชนบท พร้อมยกระดับเงินอุดหนุนค่าประกันสุขภาพ เพื่อกระตุ้นการบริโภค "อย่างแข็งขัน" นอกจากนี้ จีนจะเพิ่มการสนับสนุนโครงการแลกซื้อสินค้า ขยายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ และกระตุ้นการลงทุนทางสังคมมากขึ้นผ่านการลงทุนของรัฐ ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน สนับสนุนนโยบายเพิ่มประชากร ตลอดจนเสริมความเข้มแข็งให้ระบบสวัสดิการสังคมและการสาธารณสุข นอกจากนี้จะใช้งบประมาณส่งเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี หนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลัก และยกระดับภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวางกรอบนโยบายเดือนนี้ ผู้นำจีนประกาศจะเพิ่มการขาดดุลงบประมาณ ออกพันธบัตรเพิ่ม และผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงที่จะเกิดความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐฯ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนสู่ทำเนียบขาวโดยทางการจีนเห็นชอบให้ออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 3 ล้านล้านหยวน (4.1104 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีหน้า ซึ่งจะเป็นวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่ซบเซา

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)