ข่าวในประเทศ
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. ยอดใช้รถยนต์ EV ทั่วโลกพุ่ง 'ฉางอาน' ยันพร้อมลงทนในไทยเพิ่ม (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 มกราคม 2568)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีสเอเชีย จำกัด ได้นำคณะผู้บริหารบริษัท ฉางอานฯ เข้าพบ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมหารือแนวทางในการดำเนินกิจการของบริษัท ฉางอานฯ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เข้าร่วมหารือด้วย สำหรับการเข้าพบหารือในครั้งนี้ คณะผู้บริหารบริษัท ฉางอานฯ ให้ความสำคัญกับประเทศไทย โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงสำหรับการลงทุน เนื่องจากเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และเป็นประเทศที่มีความพร้อมในหลายๆ ด้าน สามารถที่จะรองรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV โมเดลใหม่ของบริษัท ฉางอานฯ เป็นอย่างดีซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสอดรับกับตลาดของผู้ซื้อทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่นิยมใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัท ฉางอานฯ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย โดยมีความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านของโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และระบบสนับสนุนต่างๆ ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนจากทุกประเทศ รวมถึงบริษัทฉางอานฯ ด้วย เพื่อส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการออกใบอนุญาต โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ร่วมกับสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AIEI) เพื่อหารือเรื่องนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเพื่อการยื่นขอใบอนุญาต และเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถคัดกรองใบอนุญาต เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกกระบวนงาน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
2. "พิชัย" หารือทูตญี่ปุ่น ดึงนักลงทุนเสริมศักยภาพอุตสาหกรรม อนาคต ยานยนต์-ดิจิทัล เร่งปิดดีล FTA ขยายตลาดส่งออก (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 20 มกราคม 2568)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายโอตากะ มาซาโตะ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ณ กระทรวงพาณิชย์ โดยรู้สึกดีใจที่นักลงทุนญี่ปุ่นจำนวนมากกลับเข้าสู่ไทย และญี่ปุ่นมีการลงทุนเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลดการลงทุนในไทย ภายหลังการรัฐประหารปี 2557 ไปร่วมทศวรรษ การได้พบกับท่านทูตมาซาโตะ เป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมถึงได้ฝากให้ช่วยดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นให้ขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ ยานยนต์ยุคใหม่ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ทั้งได้สานต่อการเจรจาหลังตนได้เยือนญี่ปุ่นดึงนักลงทุนและหารือกับผู้นำระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้คำมั่นที่จะขยายตลาดการส่งออกผ่าน FTA ในกลุ่มประเทศที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ไทยมุ่งหวังเป็นศูนย์กลางสำหรับการค้าและการลงทุน เป็นฐานการผลิตในห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ และการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในวันนี้ตนจึงได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งยานยนต์สันดาปและยานยนต์ยุคใหม่ รวมทั้งอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ AI ดาต้าเซนเตอร์ ดิจิทัล แผงวงจรพิมพ์ (PCB) การแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีหุ่นยนต์ โดยที่ผ่านมา ญี่ปุ่นยังเป็นนักลงทุนต่างชาติกลุ่มแรกที่เข้ามาลงทุนขนาดใหญ่ในไทยและมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานอุตสาหกรรมของไทย
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
3. ปั้นอุตฯ อากาศยาน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 20 มกราคม 2568)
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย ONE FTI ซึ่ง ส.อ.ท. ได้มีการขับเคลื่อนและผลักดันให้ภาค อุตสาหกรรมที่เป็นอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่อุตสาหกรรมใหม่ หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next Gen-Industries) ล่าสุด ส.อ.ท.ได้มีการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 47 ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยาน การเดินอากาศอัจฉริยะและอวกาศ ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันได้รับการขับเคลื่อนด้วยภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าให้พร้อมแข่งขันในตลาดสากล จึงเป็นความหวังในการผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถก้าวไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดได้เร็วขึ้น โดยหนึ่งในนั้นคือ "อุตสาหกรรมอากาศยานไทย" ที่ประเทศไทยมีความพร้อม เพราะมีห่วงโซ่ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินในประเทศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้ภาคอุตสาหกรรมนี้เข้มแข็ง สามารถต่อยอดสู่เป้าหมายในการเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานของโลก
อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท. เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของอุตสาหกรรมการบินและอากาศยานของประเทศไทย จึงได้ดำเนินการจัดตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานการเดินอากาศอัจฉริยะและอวกาศ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมลำดับที่ 47 เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการบินและอากาศยานของประเทศ ให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมโยงร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้อุตสาหกรรมอากาศยานและการบินของไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค
ข่าวต่างประเทศ
4. แบงก์ชาติจีนประกาศคงดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี และ 5 ปี ในวันนี้ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 20 มกราคม 2568)
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6% ในวันนี้ (20 มกราคม 2568) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินหยวนได้จำกัดความพยายามของ PBOC ในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า การประกาศคงอัตราดอกเบี้ย LPR ในวันนี้ มีขึ้นก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ ซึ่งเงินหยวนในตลาดต่างประเทศอ่อนค่าลงกว่า 3% นับตั้งแต่ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ขณะที่เงินหยวนในตลาดภายในประเทศอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 16 เดือน
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)