ข่าวประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit sitting at a desk

AI-generated content may be incorrect.

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

 

1. 'พีระพันธุ์' เร่งยกร่างกฎหมาย ส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (ที่มา: ข่าวหุ้น, ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568)

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการยกร่างกฎหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเป็นครั้งแรก เพื่อเร่งการดำเนินงานยกร่างกฎหมายดังกล่าว โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือดูแลเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้ได้รับความเป็นธรรมด้านรายได้ และมีหลักประกันในการประกอบอาชีพ หลังจากที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะหยุดชดเชยการตรึงราคาน้ำมันปาล์มที่เอาไปผสมกับน้ำมันดีเซลในปี 2569 โดยก่อนหน้านี้ ได้แต่งตั้งให้นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นประธานคณะกรรมการในการยกร่างกฎหมายดังกล่าว และจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างกฎหมายอีก 1 คณะ เพื่อให้การยกร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยรูปแบบของร่างกฎหมายส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มนี้จะนำรูปแบบของพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ที่ส่งเสริมพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยมาปรับใช้ในทำนองเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะช่วยทำให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มมีหลักประกันในการประกอบอาชีพ พร้อมทั้งสร้างความเป็นธรรมในด้านรายได้ และจะทำให้วงจรของการนําน้ำมันปาล์มไปผลิตเป็นสินค้าหรือเพิ่มมูลค่า เป็นไปอย่างเป็นระบบและครบวงจร

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานได้ประสานความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้การบริหารของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อช่วยกันเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน หลังจากที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะหยุดชดเชยการตรึงราคาน้ำมันปาล์มที่นำไปผสมกับน้ำมันดีเซลเพื่อผลิตเป็นไบโอดีเซลในปี 2569 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ต้องรีบเตรียมการเพื่อให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์มมีตลาดเพิ่มมากขึ้น และรองรับกับสถานการณ์ในปี 2569 ซึ่งเชื่อว่าการเตรียมการนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้ลุล่วงไปด้วยดี

 

A person sitting at a desk

AI-generated content may be incorrect.

น.ส.ณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม

2. ดีพร้อมติว Content TikTok เสริมแกร่ง 'เอสเอ็มอี' ไทย (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568)

น.ส.ณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร "Pitch Fluencer Academy DIPROM" ภายใต้โครงการยกระดับธุรกิจอุตสาหกรรมและวิสาหกิจชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2568 อีกหนึ่งฟันเฟ้องในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของดีพร้อม (DIPROM) ด้านซอฟต์พาวเวอร์ที่มีการสร้างและพัฒนา Thailand Soft Power DNA ผ่าน 3 แนวทาง คือ 1. สร้างสรรค์และต่อยอด 2. โน้มน้าวโดยจูงใจให้เปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด หรือพฤติกรรมความชอบให้หันมาสนใจสิ่งเหล่านี้มากขึ้น และ 3. เผยแพร่ โดยการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านเครื่องมือในการเผยแพร่ เช่น Influencer

อย่างไรก็ตาม การฝึกอบรมครั้งนี้เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการทำธุรกิจอยู่แล้ว ผ่านการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติจริงแบบเข้มข้น ภายในระยะเวลา 3 วัน โดยทีมวิทยากรระดับประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI Marketing ด้าน Social Media และนักการตลาดมืออาชีพ มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการ อาทิ การประยุกต์ใช้ AI ในการเขียน ออกแบบ วิเคราะห์ตลาด การสร้างคอนเทนต์ สร้างโฆษณา โพสต์ขายสินค้า การสร้างแคมเปญบน TikTok รวมถึงการวางแผนแคมเปญ Influencer Marketing พร้อมการทำคลิป VDO สั้น เพื่อการตลาด ตลอดจนฝึกการนำเสนอสินค้าและบริการสู่ช่องทางตลาดใหม่ๆ เพื่อเพิ่มการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น หลังจากการฝึกปฏิบัติดังกล่าวแล้ว จะมีการ Pitching เพื่อเฟ้นหาผู้ประกอบการดาวเด่นที่จะมีสิทธิได้ออกทีวีรายการดัง "SME มีดีให้ดู" ช่อง ททบ.5 และได้โอกาสวางจำหน่ายสินค้าในตลาดเป้าหมายต่อไป

 

A person sitting in a chair holding a tablet

AI-generated content may be incorrect.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

 

3. ม.ค.เงินเฟ้อพุ่ง 1.32% หลังราคาเชื้อเพลิง-อาหารแพงขึ้น (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนมกราคม 2568 เท่ากับ 100.57 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 99.26 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 1.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นผลจากฐานราคาต่ำในปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นสำคัญ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 0.83% (YoY) เร่งตัวขึ้นจากเดือนธันวาคม 2567 ที่สูงขึ้น 0.79% (YoY) และ กระทรวง พาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 อยู่ระหว่าง 0.3-1.3% (ค่ากลาง 0.8%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนธันวาคม 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้น 1.23% (YoY) ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 24 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว) สำหรับเฉลี่ยทั้งปี 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยสูงขึ้น 0.40% อยู่ระดับต่ำอันดับที่ 6 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่สูงขึ้น 1.32% (YoY) ในเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์ 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนมกราคม 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย 1. ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2. การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าโดยสารเครื่องบิน และ 3. ราคาสินค้าเกษตรบางชนิด ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากปริมาณผลผลิตยังไม่เข้าสู่ระดับปกติ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย 1. ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและการตรึงราคาก๊าซ LPG 2. ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าอยู่ในระดับสูง และ 3. การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่

 

ข่าวต่างประเทศ 

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. การใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นเดือนธ.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568)

กระทรวงกิจการภายในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม 2567 เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ปรับค่าตามฤดูกาลแล้วเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.3% สวนทางกับที่คาดว่าจะหดตัว 0.2% โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังติดตามทิศทางการใช้จ่ายและค่าจ้างอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจและพิจารณาความจำเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมกราคม 2568 BOJ ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.50% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 17 ปี โดยสะท้อนความมั่นใจว่า ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับราว 2% ตามเป้าหมาย โดยข้อมูลค่าจ้างเดือนธันวาคม 2567 ที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันพุธ (5 กุมภาพันธ์ 2568) บ่งชี้ว่า ค่าจ้างที่แท้จริง (ค่าจ้างที่ปรับลบเงินเฟ้อแล้ว) เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากโบนัสช่วงฤดูหนาว ขณะที่ทางการมองว่า แนวโน้มการปรับขึ้นค่าจ้างมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)