ข่าวประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

1. 'พิชัย' ยกระดับแบรนด์สินค้าไทย การันตี SME รุ่นใหม่ ดันเศรษฐกิจโต (ที่มา: โพสต์ทูเดย์, ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการ 8 นโยบายเร่งด่วน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หลังตัวเลขส่งออกเดือนมกราคมโต 13.6% พร้อมเดินหน้าผลักดัน FTA ไทย-อียู ขับเคลื่อนโครงการ Thailand Brand เพื่อการันตีสินค้า SME และพัฒนาภาพลักษณ์สินค้าไทยให้แข็งแกร่งในตลาดโลก โดย  8 นโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย 1. การสื่อสารเชิงรุก สร้างความเข้าใจให้พี่น้องเกษตรกรได้รับทราบถึงมาตรการที่ผ่านการประชุม นบข.คือ เงินสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท (ไม่เกิน 10 ไร่) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสนับสนุนข้าวนาปรัง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและแก้ปัญหาในอนาคต รวมถึงได้กำชับให้ทำงานเชิงรุก ให้เร่งเตรียมแผน เพื่อดูแลราคาสินค้าเกษตร สินค้าผลไม้อื่นๆ 2. พัฒนา Thailand Brand การันตีคุณภาพสินค้าไทยด้วยโครงการ Trust Thailand ยกระดับแบรนด์สินค้าไทยสำหรับ SME รุ่นใหม่ พร้อมปรับระบบ Thai Select ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยใช้มาตรฐาน ดาว 1-3 ระดับแบบมิชลิน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 3. เร่งเจรจา FTA ไทย-อียู ตามแนวทางที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้ หลังจากประสบความสำเร็จในการเจรจา FTA ไทย-เอฟตา และปิดดีล FTA ไทย-ภูฏาน โดยเตรียมประชุมวิดีโอคอลกับอียู ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ เพื่อเร่งรัดข้อตกลงการค้าเสรี โดยอียูมีท่าทีพร้อมลดเงื่อนไขหลายด้าน 4. เปิดเสรีการส่งออกข้าว การทลายทุนผูกขาดข้าว ปรับเงื่อนไขการเก็บสต๊อกข้าวผู้ส่งออก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 และปรับค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ประกอบการค้าข้าว โดยคาดว่าจะเสนอ ครม. ได้ภายในเดือนมีนาคม เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ส่งออกข้าวได้สะดวกมากขึ้น ทั้งผลักดันราคาข้าวไทย ล่าสุดราคาข้าวมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากการหารือกับภาคเอกชน 5. คุมเข้มสินค้าต่างประเทศผิดกฎหมาย โดยสั่งการให้ตรวจสอบสินค้าด้อยคุณภาพที่เข้ามาในไทยอย่างเข้มงวด รวมถึงเร่งจัดการปัญหานอมินีถือหุ้นผิดกฎหมาย เพื่อปกป้องคุ้มครอง SME ไทย โดยมีผลการปราบปรามธุรกิจนอมินี 5 เดือน (กันยายน 2567 – มกราคม 68) รวม 820 ราย ซึ่งมีมูลค่าเสียหายรวมกว่า 12,495 ล้านบาท 6. ขับเคลื่อนทรัพย์สินทางปัญญา เร่งพัฒนามาตรฐานสินค้าไทยในตลาดโลก เป้าหมายคือ ถอดชื่อไทยออกจากบัญชี Watch List ของประเทศที่ถูกจับตามองเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา 7. พัฒนาแอปพลิเคชันของกระทรวงพาณิชย์ (MOC super app) เพื่อประโยชน์ด้านการค้าให้กับประชาชนและภาคธุรกิจเข้าถึงข้อมูลการค้าของกระทรวงพาณิชย์ได้ง่ายขึ้น และ 8. สร้างเครือข่าย Food Storage กับประเทศต่างๆ วางแผนความมั่นคงทางอาหารร่วมกับประเทศพันธมิตร เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหารในภูมิภาค และสร้างความยั่งยืนให้กับสินค้าเกษตรไทย

อย่างไรก็ตาม สำหรับการขยายตัวของการส่งออกเดือนมกราคม 2568 ที่ 13.6% เป็นผลจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาจากความมั่นในในเสถียรภาพและนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี โดยยังมองเห็นภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี และเชื่อว่าการส่งออกจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของไทยในปีนี้ ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินนโยบายเชิงรุก เดินหน้าทุกแนวทางพร้อมกัน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี

เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)

 

2. สอน.เกาะติดชาวไร่-โรงงานหีบอ้อยสด ฤดูผลิต 67/68 เผาต่ำสุดเหลือ 14.58% (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)

นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์หีบอ้อย ฤดูการผลิตปี 2567/68 การบริหารจัดการการรับอ้อยสด และกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และโรงงานน้ำตาลราชบุรี จังหวัดราชบุรี พร้อมทั้งรับฟังปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานในช่วงเปิดหีบอ้อย และแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ พบว่า โรงงานทั้ง 2 แห่ง มีแนวทางการรับอ้อยสดที่ได้มาตรฐานและดำเนินการตามมาตรการที่ชัดเจน อาทิ การเพิ่มจำนวนรถตัดอ้อย การส่งเสริมให้เกษตรกรตัดอ้อยสด และการรับซื้อใบอ้อย จึงขอให้โรงงานดำเนินการตามมาตรการรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM2.5 และเป็นต้นแบบให้แก่โรงงานอื่นๆ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ขนาดเล็ก (PM2.5) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ได้รายงานผลการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยรับอ้อยเผาเข้าหีบสะสม ฤดูการผลิต 2567/2568 ต่ำสุดในประวัติศาสตร์เหลือ 14.58% และมาตรการในการกำกับและส่งเสริมอ้อยสดครบวงจรที่กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการ รวมทั้งการตรวจวัด มลพิษทางอากาศจากปล่องโรงงานอุตสาหกรรมแล้วทั้งสิ้น 1,172 โรงงาน พบไม่เป็นไปตามกฎหมาย 10 โรงงาน ซึ่งได้มีคำสั่งระงับการฝ่าฝืนแล้ว ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานเครื่องยนต์เป็น EURO 5 และ EURO 6 รวมทั้งการเร่งกำหนดมาตรฐานยานยนต์สมัยใหม่ การออก ใบอนุญาตตามมาตรฐาน EURO ดังกล่าวเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าต่อไป

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายจุฬา สุขมานพ

เลขาธิการคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC

3. EEC รุกหาพื้นที่นิคมฯ เพิ่ม อ้าแขนรับต่างชาติ (ที่มา: มิติหุ้น, ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC เปิดเผยว่า นักลงทุนยังมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยในการใช้เป็นฐานการลงทุนด้านในทุกอุตสาหกรรม ทำให้ EEC ต้องเร่งเตรียมการเรื่องของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้รองรับการเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มากขึ้น โดยอาจไม่ใช่แค่รูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมอีกต่อไป แต่จะมุ่งไปเรื่องการทำเขตส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีการให้สิทธิพิเศษเฉพาะ ทั้งนี้ ทางด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ด้วยกระแสการลงทุนที่ทะลักเข้าประเทศไทยมาจำนวนมาก ล่าสุดทำให้ผู้พัฒนาที่ดินเตรียมพื้นที่ไม่ทัน กนอ. จึงต้องเร่งหาพื้นที่ไว้รองรับ และลดขั้นตอนหรือดำเนินการควบคู่ไปกับการทำ EIA เพื่อให้ระยะเวลาการพัฒนาพื้นที่จาก 3 ปี เหลือเพียง 2 ปี ในการตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับปี 2568 คาดว่าจะมียอดขายที่ดินในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 6,000 ไร่ เพิ่มเป็น 8,000-10,000 ไร่ รวมทั้งจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทำให้พื้นที่ที่ได้ประกาศเป็นเขตอุตสาหกรรม มีราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จาก 2 ล้านบาท/ไร่ เป็น 10 ล้านบาท/ไร่ ซึ่งราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. เงินเฟ้อพื้นฐานในโตเกียวชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่ยังเกินเป้า BOJ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568)

สำนักข่าวรอยเตอร์ เปิดเผยรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยตัวเลขดังกล่าว ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดที่ผันผวน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3% และลดลงจากระดับ 2.5% ในเดือนมกราคม สำหรับตัวเลขเงินเฟ้อของกรุงโตเกียวถือเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อของทั้งประเทศ โดยมีสาเหตุสำคัญของการชะลอตัวมาจากมาตรการอุดหนุนค่าไฟฟ้าและก๊าซที่รัฐบาลญี่ปุ่นรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในเดือนมกราคม ทั้งนี้ เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2568 นี้ ในส่วนของดัชนี CPI อีกตัวที่ไม่รวมทั้งราคาอาหารสดและเชื้อเพลิง ซึ่ง BOJ ใช้เป็นตัวชี้วัดแนวโน้มราคาในภาพรวม ยังคงเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนกุมภาพันธ์เท่ากับเดือนก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ทางด้านอุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ยืนยันว่า ธนาคารกลางจะยังคงพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% อย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเติบโตของค่าจ้างและอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยที่ผ่านมา BOJ ได้ยุติมาตรการกระตุ้นทางการเงินขนานใหญ่ที่ดำเนินมากว่า 10 ปีลงเมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็น 0.5% จาก 0.25% ในเดือนมกราคม 2568

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำด (มหาชน)