ข่าวประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person sitting at a desk writing on papers

AI-generated content may be incorrect.

นายณัฐพล รังสิตพล

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. โชว์ผลเสริมแกร่งเอสเอ็มอี สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 383 ล้าน (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568)

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเสริมสร้างศักยภาพเอสเอ็มอี ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ผ่าน 2 โครงการ คือ 1. โครงการพัฒนาธุรกิจดิจิทัลสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีใหม่ และ 2. โครงการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอย่างยั่งยืน ด้วยการลดค่าใช้จ่ายพลังงานเพิ่มรายได้ ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ จากการดำเนินงาน พบว่า โครงการที่ 1 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากถึง 260 ล้านบาท คิดเป็น 52 เท่า ของวงเงินงบประมาณโครงการ และโครงการที่ 2 สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ 123 ล้านบาท คิดเป็น 24 เท่า รวม 2 โครงการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 383 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ได้เดินทางไปดูงานบริษัท บางกอกประกาย จำกัด ประกอบธุรกิจโคมไฟ ได้รับการสนับสนุนให้คำปรึกษาแนะนำจากกองทุนฯเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำงานเปลี่ยนสินค้าค้างคงคลังให้มาเป็นเงินทุนใหม่สามารถนำกลับมาเป็นรายได้ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น 50% มีเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น 15%

 

A person sitting at a desk with a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ

กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการผู้ว่าการ กนอ.

 

2. กนอ.หนุนสร้างนิคมฯ สีเขียว ยกระดับสู่เศรษฐกิจคาร์บอน (ที่มา: ดอกเบี้ยธุรกิจ, ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568)

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยถึงทิศทางและบทบาทของ กนอ.ในการขับเคลื่อน Green Transition หรือการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ พร้อมรับมือกับความท้าทายด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน โดยเทคโนโลยีสีเขียวเป็นแนวโน้มสำคัญของโลก ซึ่งภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ ทั้งนี้ กนอ.มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในโรงงานอุตสาหกรรม และจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับพลังงานทดแทนให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม โดยเทคโนโลยีสีเขียว เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร โดยปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งได้เริ่มปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การใช้ระบบบำบัดน้ำเสียแบบปิด และการส่งเสริมการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ นิคมอุตสาหกรรมกำลังปรับตัวเพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ยั่งยืน ขณะเดียวกัน กนอ. ยังสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสีเขียว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็น Carbon Neutral หรือ Zero Emission ในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ กนอ.มุ่งเน้นสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อน Green Transition ผ่านนโยบายสนับสนุนและมาตรการจูงใจต่างๆ พร้อมผลักดันการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ที่เน้นการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น IoT และ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอาจต้องใช้งบประมาณสูง และบางครั้งอาจพบความไม่พร้อมทางเทคโนโลยี หรือการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ ดังนั้น กนอ.จะร่วมกับทุกภาคส่วนสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเปลี่ยนกระบวนการผลิตและระบบการจัดการพลังงาน เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

 

A person in a suit sitting at a table

AI-generated content may be incorrect.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

3. ส.อ.ท.เร่งหาช่องทางลงทุน เปิดบ้านแลกเปลี่ยนข้อมูลปารากวัย-เช็ก (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568)

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. ได้ให้การต้อนรับ H.E. Mr. Javier Viveros รัฐมนตรีช่วยด้านการลงทุน และส่งออก กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สาธารณรัฐปารากวัย พร้อมด้วย H.E. Mr. FlemingRaul Duarte Ramos เอกอัครราชทูตปารากวัยประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทย สำหรับการหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างไทยและปารากวัย โดยเน้นย้ำถึงโอกาสในการขยายการค้าสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญ ทั้งนี้ ในด้านอุตสาหกรรมอาหาร มีการหารือถึงการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะสินค้าคุณภาพสูงที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยปารากวัยยังมีศักยภาพเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ซึ่งสามารถเสริมสร้างความร่วมมือกับไทยในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปอาหารและระบบโลจิสติกส์ได้ ขณะที่ในด้านของพลังงานหมุนเวียน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสำคัญของการส่งเสริมการลงทุนและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดร่วมกัน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานชีวภาพซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนต่อไป โดยการหารือครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและปารากวัย ซึ่งทั้งสองฝ่ายยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการขยายความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ร่วมกันต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ส.อ.ท.ได้ให้การต้อนรับ H.E. Mr.Jan Bartošek รองประธานสภาผู้แทนราษฎรสาธารณรัฐเช็ก พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจ และคณะนักธุรกิจจากสาธารณรัฐเช็ก เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐสภา โดยมี H.E. Mr. Pavel Pitel เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย เข้าร่วมการต้อนรับและหารือ ทั้งนี้ สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่สำคัญของยุโรป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ และมีอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เครื่องมือแพทย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีชั้นสูง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Next Gen-Industry อุตสาหกรรมแห่งอนาคตของไทย ซึ่ง ส.อ.ท. กับ คณะจากสาธารณรัฐเช็ก มีความยินดีที่จะร่วมให้การสนับสนุนการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งจะเป็นโอกาสในการดึงดูดการลงทุน และส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้มากขึ้นอีกด้วย

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect. 

 

4. ภาคการผลิตญี่ปุ่นเดือนก.พ.ยังคงหดตัว วิตกนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2568)

au Jibun Bank เปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่น ขยับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 49.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จาก 48.7 ในเดือนมกราคม นับเป็นการหดตัวน้อยที่สุดในรอบ 3 เดือน และสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 48.9 เล็กน้อย ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว โดยกิจกรรมการผลิตในโรงงานของญี่ปุ่นหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ท่ามกลางความกังวลเรื่องนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่รายงานถึงความอ่อนแอของอุปสงค์และความเชื่อมั่นในภาคการผลิตทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทต่าง ๆ มองเห็นภาวะอุปสงค์ที่ซบเซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐฯ ยุโรป และจีน

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจพบว่า ระดับความเชื่อมั่นของผู้ผลิตญี่ปุ่นต่อแนวโน้มธุรกิจปีหน้าลดลงอย่างมากจากเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 เนื่องจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบาย โดยกสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งบริษัทต่าง ๆ เน้นย้ำถึงความเสี่ยงจากนโยบายการค้าแบบกีดกันของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำด (มหาชน)