ข่าวประจำวันที่ 18 มีนาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

1. 'พิชัย' ยันสหรัฐระงับวีซ่าไม่กระทบ (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2568)

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางการผลักดันการค้าการลงทุนของไทยปี 2568 ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า รัฐบาลมองว่าในปีนี้การส่งออก และการท่องเที่ยวจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเนื่องจากการส่งออกเติบโตได้ดี ซึ่งในเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา ขยายตัวสูงถึง 13.6% เดือนถัดไปจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเพราะช่วงกลางปีนี้คาดว่าจะมีการส่งออกสินค้าแผงวงจรพิมพ์ หรือ PCB ได้มากขึ้นหลังจากโรงงานในไทยเริ่มเดินเครื่องและผลิตเพื่อส่งออกได้ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่การส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 4% ตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว ก็ขยายตัวดี คาดการณ์ว่าปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 39 ล้านคน ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับเอกชนเห็นตรงกันว่าปัญหาเดียวของเศรษฐกิจไทยคือ ปัญหาหนี้ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนที่ถึง 90% ของจีดีพีและปัญหาหนี้นอกระบบเป็น 10% ของจีดีพี ดังนั้น ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการปรับลดดอกเบี้ยลง ซึ่งหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะโตได้ 5-6% ส่วนในเรื่องของสหรัฐที่จะประกาศนโยบายจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยเพื่อตอบโต้การส่งอุยกูร์กลับจีน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐ เชื่อว่ารัฐบาลไทยสามารถเจรจาได้

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเดินต่อไปไม่ได้เพราะหนี้ครัวเรือนและเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ทั้งนี้ ทางด้านการลงทุนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมในประเทศที่ต้องการขยายการลงทุน โดยถึงเวลาแล้วที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ จะต้องเข้ามาพิจารณาให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเครื่องจักรและภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เหมือนกับที่ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

2. บอร์ดบีโอไอไฟเขียว ส่งเสริมลงทุนกว่า 2 แสนล้าน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2568)

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญขนาดใหญ่ 4 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ เงินลงทุน 109,210 ล้านบาท และโครงการ Data Center 3 โครงการจากประเทศไทย จีน และสิงคโปร์ ได้แก่ (1) บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซ็นเตอร์ 02 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม Gulf, Singapore Telecommunications และ AIS เงินลงทุน 13,480 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี (2) บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากประเทศจีนเงินลงทุน 72,670 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และ (3) บริษัทในเครือ Empyrion Digital ประเทศสิงคโปร์ เงินลงทุน 4,720 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ตาม Data Center ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับรองรับความต้องการในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI การที่มีบริษัทระดับโลกเข้ามาลงทุนจัดตั้ง Data Center ในไทยก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน นอกจากจะส่งเสริมให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับของภูมิภาคแล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการและประชาชนได้เข้าถึงบริการของศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ที่มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง และมีความเสถียรในการให้บริการดิจิทัล ลดต้นทุนบริษัทในการทำศูนย์ข้อมูลของตนเอง ช่วยรักษาข้อมูลสำคัญให้ถูกเก็บและประมวลผลในประเทศซึ่งจะเป็นประโยชน์ด้านความมั่นคง ช่วยสนับสนุนการใช้แอปพลิเคชั่นและเทคโนโลยีดิจิทัลในการยกระดับภาคส่วนต่างๆ อีกทั้งจะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2565-2567) มีโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการ Data Center และ Cloud Service จำนวน 27 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.9 แสนล้านบาท

 

นายสนั่น อังอุบลกุล

ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

3. ชงรัฐคลอดแพ็กเกจหนุนภาคอุตฯ ใช้ AI (ที่มา: ไทยโพสต์, ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2568)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และทีมพาณิชย์ ว่า หอการค้าไทยได้เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ เพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยให้ได้รับสิทธิประโยชน์ในการลงทุน เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการไทยต้องการปรับปรุงการผลิตพัฒนาเครื่องจักร จึงอยากให้คนไทยได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกับการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้ ยังได้ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเจรจากับทางการจีน เพื่อแก้ปัญหาการส่งออกน้ำเชื่อม และทุเรียนจากไทยที่มีความล่าช้า เพื่อให้การส่งออกสินค้าจากไทยมีความรวดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ต้องการให้บีโอไอให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยต่ออายุมาตรการบีโอไอให้กับนักลงทุนไทยที่สิทธิประโยชน์สิ้นสุดไปแล้ว เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร เพื่อช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถปรับโครงสร้างการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอและหุ่นยนต์มากขึ้น นอกจากนี้ ขอให้เตรียมการเจรจาเรื่องทรัมป์ 2.0 โดยเฉพาะการเตรียมข้อมูลเรื่องการค้าบริการ ที่เชื่อว่าไทยน่าจะขาดดุลการค้ากับสหรัฐมาก เพื่อใช้ในการต่อรองกับสหรัฐ หากสหรัฐจะใช้มาตรการทางการค้ากับไทย กรณีที่ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐ

 

ข่าวต่างประเทศ

A logo of a globe

AI-generated content may be incorrect.

 

4. OECD หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจโลก-สหรัฐ เซ่นพิษ "ทรัมป์" ทำเทรดวอร์ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2568)

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เรียกเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าสู่สหรัฐ ทั้งนี้ ในการเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจในวันนี้ OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.1% และ 3.0% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ หลังจากมีการเติบโต 3.2% ในปีที่แล้ว โดยการตั้งกำแพงภาษีในกลุ่มประเทศ G20 รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนด้านนโยบายส่งผลกระทบต่อการลงทุนของภาคเอกชน และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน นอกจากนี้ OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวสู่ระดับ 2.2% และ 1.6% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ โดยก่อนหน้านี้ ในรายงานเดือนธันวาคม 2567 OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.3% ทั้งในปีนี้และปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.4% และ 2.1% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ในการเปิดเผยรายงานในวันนี้ OECD คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปของสหรัฐ (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.8% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.1% ในเดือนธันวาคม 2567 ขณะที่คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปของกลุ่ม G20 จะปรับตัวขึ้น 3.8% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 3.5% ในเดือนธันวาคม 2567   

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำด (มหาชน)