ข่าวในประเทศ
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม
1. รัฐผนึกกำลังเอกชน ผลักดันอุตฯ สมุนไพรไทย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 21 เมษายน 2568)
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2568 ขึ้น โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งภายใต้คณะอนุกรรมการฯ ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดย กองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ ร่วมกับกองสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นหน่วยงานที่กำหนดจัดการประชุมดังกล่าวขึ้นสำหรับคณะอนุกรรมการฯ ที่เข้าร่วมมาจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองผลิตภัณฑ์สมุนไพร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข และกรมสรรพสามิต ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว ฝ่ายเลขานุการฯ ได้มีการรายงานให้ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการยกระดับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรรายย่อยในประเทศไทย ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2568 - 2570) โดยภายใต้แผนการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2568 จะมุ่งเน้นการปูพื้นฐานและสร้างความเข้มแข็ง ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากรภาคอุตสาหกรรมสมุนไพร ทั้งในด้านการยกระดับมาตรฐานและการบริหารจัดการ การพัฒนาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ พัฒนากระบวนการผลิตโดยมีการยกระดับห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการทดสอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค รวมถึงสร้างโอกาสและเครือข่ายพันธมิตรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับ Supply Chain เพื่อให้เกิดขยายธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 "ดีพร้อม" มีการดำเนินงานตามนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้" เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับ SMEs วิสาหกิจชุมชน และผู้รับบริการให้มีความพร้อมในการยื่นขอรับรองระบบมาตรฐาน พร้อมทั้งพัฒนาผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คำแนะนำผู้ประกอบการให้สามารถเข้าสู่มาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) นอกจากนี้ ทางด้านคณะอนุกรรมการฯ ยังได้ร่วมกันพิจารณาหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาแอลกอฮอล์ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสมุนไพร ผ่านโครงการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเรื่องแอลกอฮอล์สำหรับอุตสาหกรรมสมุนไพร ด้วยการสนับสนุนเงินอุดหนุนสำหรับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ "ตัวทำละลายสารสกัดสมุนไพร" ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มที่สามารถทำละลายได้แตกต่างกัน คือ คลอโรฟอร์ม อีเธอร์ เฮกเซน และแอลกอฮอล์ โดยแอลกอฮอล์จะเป็นตัวทำละลายที่ได้รับความนิยมสูงสุด
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
2. ชี้เป้าผลไม้ไทยเจาะยูเออี (ที่มา: เดลินิวส์, ประจำวันที่ 21 เมษายน 2568)
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งสำรวจลู่ทางการค้าเพื่อหาตลาดใหม่ให้ผู้ส่งออกสินค้าไทย ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) พบว่าตลาดผลไม้สดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังเป็นที่น่าสนใจและมีความต้องการนำเข้าผลไม้จากไทยมาก เนื่องจากยูเออีเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าผลไม้เกือบ 100% และผลไม้เขตร้อนที่ไทยส่งออกนั้น ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งนี้ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และหลงใหลในรสชาติผลไม้ไทย เพราะเป็นกลุ่มแปลกใหม่และมีราคาสูง แต่คุณภาพดีกว่าหลายประเทศ เช่น ศรีลังกา มาเลเซีย และอินโดนีเซีย สำหรับผลไม้ไทยที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ เงาะ มังคุด ลำไย มะขามหวาน ทุเรียน มะพร้าวอ่อน และขนุนสุกแกะเม็ด และยังมีผลไม้บางชนิดที่ไทยเป็นผู้ส่งออกเพียงรายเดียวในตลาด เช่น ชมพู่ทับทิมจันทร์ และมะปราง ซึ่งสร้างความแตกต่างและจุดขายให้กับผลไม้ไทย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปี 2566 ยูเออี ได้นำเข้าผลไม้สดและอบแห้ง รวมมูลค่า 2,713 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.9% แต่ทั้งนี้ ผลไม้ไทยมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ แม้จะมีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการของตลาด โดยมีอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาด้านการขนส่ง เนื่องจากผลไม้ไทยส่วนใหญ่ขนส่งทางอากาศ ทำให้มีค่าระวางสูง เสียเปรียบด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
นายวันชัย พนมชัย
เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
3. สมอ.ออก "มอก." บันไดเลื่อนรับแผ่นดินไหว (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 21 เมษายน 2568)
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ ... มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา สมอ.จึงจะเร่งออกประกาศให้บันไดเลื่อน-ทางเลื่อนอัตโนมัติ เป็นสินค้ามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ประเภทควบคุม เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน ที่ต้องใช้บริการในสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สถานีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน อาคารสำนักงาน เป็นต้น ทั้งนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับประเทศไทย จึงต้องให้ความสำคัญกับ มอก.ด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับ มอก.ฉบับนี้ เป็น มอก.ด้านความปลอดภัยและระบบไฟฟ้า ที่อ้างอิงมาตรฐานระหว่างประเทศ (ISO) ที่มีความปลอดภัยสูงเป็นที่ยอมรับของสากล และทั่วโลกได้นำไปใช้ มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยจะมีระบบตรวจจับแผ่นดินไหว หรือเซ็นเซอร์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าของบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อนอัตโนมัติ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวระบบจะหยุดทำงานทันที มีระบบการยึดติดบันไดเลื่อน และทางเลื่อนอัตโนมัติในแนวดิ่ง เพื่อไม่ให้เคลื่อนหลุดออกจากฐาน รวมทั้งความยาวและระยะการเคลื่อนตัว ของบันไดเลื่อนและทางเลื่อนต้องสอดคล้องกับการเคลื่อนตัวของอาคาร คาดว่า มอก.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนตุลาคม 2568 นี้
ข่าวต่างประเทศ
4. แบงก์ชาติจีนคงดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปี หวังรักษาเสถียรภาพเงินหยวน (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 21 เมษายน 2568)
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ได้มีการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.1% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.6% ในวันนี้ โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพเงินหยวน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ในอัตราสูงถึง 145% ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 125% ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง สำหรับการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย LPR ในวันนี้ มีขึ้นหลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 5.4% ในไตรมาส 1/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวราว 5.1%-5.2%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยอดค้าปลีกเดือนมีนาคม 2568 พุ่งขึ้น 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 4.2%-4.3% ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม ปรับตัวขึ้น 7.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8%
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)