ข่าวประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person holding a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. 'เอกนัฏ' สั่งเร่งเช็กคุณภาพอากาศ รอบพื้นที่โกดังย่านลาดกระบังไฟไหม้ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2568)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ว่า ขณะนี้มีการนำรถโมบายของนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าไปตรวจสอบอากาศในพื้นที่ภาพรวมและตรวจสารเคมีรั่วไหล โดยจะรายงานให้ทางกรุงเทพมหานครและประชาชนทราบ รวมถึงตอนนี้กรมโรงงานเข้าไปประจำในพื้นที่ ยืนยันว่าจุดที่เกิดเหตุไม่ใช่โรงงาน แต่เป็นการขออนุญาตจดทะเบียนเป็นโกดังเพื่อใช้เก็บวัตถุดิบและสินค้าให้แก่โรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นอีกบริษัทแต่เจ้าของเดียวกัน ที่ผลิตเครื่องมือเครื่องใช้จากพลา ทั้งนี้ หากเพลิงไม่สงบกระทรวงอุตสาหกรรมจะเข้าไปตรวจสอบสาเหตุการเกิดไหม้ว่าเกิดจากการดำเนินกิจการหรือลักลอบประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่ ถือว่าไม่ควร เนื่องจากมีการขออนุญาตเพียงใช้เก็บของเท่านั้น ซึ่งหากมีการไปประกอบกิจการโรงงานในพื้นที่ที่ไม่ได้ขออนุญาตจะมีความผิดโทษจำคุก 2 ปี แต่ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงแม้เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่สภาพอากาศไม่ดี พบสาร COC หรือสารก่อมะเร็งในอากาศ จึงต้องอพยพประชาชนในพื้นที่ออก เนื่องจากสารเหล่านี้เมื่ออยู่ในอากาศสามารถเดินทางได้ 700 เมตร จึงแนะนำ กทม. ไม่ควรให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ใกล้เคียง   ส่วนการที่ฝนตกจะช่วยบรรเทาสภาพอากาศได้หรือไม่นั้น ก็ช่วยได้บ้าง แต่ปัญหาจากการสันนิษฐานต้นเหตุเพลิงเกิดจากเม็ดพลาสติก เมื่อไฟไหม้ แม้จะมีการฉีดน้ำและเกิดฝนตก แต่ภายในกองเม็ดพลาสติกยังมีความร้อนระอุอยู่  จึงต้องฉีดโฟมเพื่อให้ไอเย็นเข้าไปในกองเม็ดพลาสติก พร้อมต้องเฝ้าระวังอยู่

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้รายงานเลขาธิการนายกฯ เนื่องจากเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบ กทม. มีการลักลอบประกอบกิจการโรงงาน โดยเลี่ยงจดทะเบียนเป็นโกดัง และรายงานนายกรัฐมนตรี ว่าจะต้องมีการตรวจตราอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้มีการลักลอบประกอบกิจการและอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายกระทรวงมหาดไทยและอุตสาหกรรม โดยจะต้องบูรณาการกันทุกภาคส่วนและเข้าตรวจตราอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ตนได้คุยกับผู้ว่าฯ กทม. ว่าตนไม่ได้เห็นด้วยเกี่ยวกับเรื่องการประกอบกิจการเท่านั้น แต่เห็นถึงมลภาวะ นอกจากประกอบกิจการที่ไม่ปลอดภัยแล้วจะส่งผลต่อเรื่องมลภาวะ ทั้งการปล่อยน้ำเสียและควันพิษหากที่ไหนลักลอบดำเนินกิจการต้องสั่งปิดและดำเนินคดี

 

A person with her arms crossed

AI-generated content may be incorrect.

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

 

2. รัฐดึงเอกชนเปิดตัว 'คิดถึงสมุนไพรไทย' (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2568)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ผลประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร ครั้งที่ 1/2568 ที่มีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม โดยที่ประชุมเห็นชอบ 2 เรื่อง คือ 1. แผนการเพิ่มการสื่อสารและตระหนักรู้แก่สาธารณชนทั้งไทยและต่างประเทศผ่านสโลแกน THINK Wellness THINK Thai Herb หรือ คิดถึงสุขภาพ คิดถึงสมุนไพรไทย เป็น Key Message ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนของไทย ใช้ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ผลักดันสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก โดยกำหนดเปิดตัว THINK Wellness THINK Thai Herb ภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี และ 2. แผนประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมให้ร้านนวดไทยและร้านสปาในต่างประเทศ นำผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบสมุนไพรไปใช้ เช่น ลูกประคบ บาล์ม ครีมสครับผิว น้ำมันหอมระเหย ก้านไม้หอม เครื่องพ่นกลิ่นอโรม่า และชาสมุนไพร เป็นต้น ซึ่งตลาดตะวันออกกลางให้ความสนใจอย่างมากในกลุ่มผลิตภัณฑ์อโรม่า เทอราพี และสมุนไพรจากธรรมชาติ รวมถึงเอเชียและอาเซียนมีความร่วมมือผลักดันในทุกมิติด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรม Wellness ปี 2566 มีมูลค่า 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 6.03% ของจีดีพีโลก คาดว่าในปี 2566-2571 เติบโตเฉลี่ย 7.3% ต่อปี สูงกว่าอัตราการเติบโตจีดีพีโลก คาดโตเฉลี่ย 4.8% และปี 2571 คาดมีมูลค่า 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสปา ปี 2566 ทั่วโลก มีสถานประกอบการ 191,348 แห่ง สร้างรายได้ 137 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในส่วนอุตสาหกรรมสปาและนวดของไทย ปี 2565 ไทยมีสถานประกอบการด้านสุขภาพจดทะเบียน 10,077 แห่ง มีบุคลากรผู้มีใบอนุญาต 1.9 แสนคน ปี 2566 สร้างรายได้จากตลาดสปา 1.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ

 

A person sitting in a chair holding a tablet

AI-generated content may be incorrect.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์

 

3. ดัชนีความเชื่อมั่นชายแดนใต้ลด กังวลปัญหาค่าครองชีพ-รายได้ตกต่ำ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2568)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จัดทำร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไตรมาส 1 ปี 2568 ปรับลดลงทั้งโดยรวม ในปัจจุบัน และในอนาคต ดัชนีโดยรวมปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 55.44 จากระดับ 56.42 ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากการปรับลดลงด้านความมั่นคงขณะที่ด้านเศรษฐกิจและสังคมปรับเพิ่มขึ้น โดยความเชื่อมั่นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ยังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่นขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบันปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 51.77 จากระดับ 52.36 และความเชื่อมั่นในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 59.11 จากระดับ 60.48 โดยดัชนีความเชื่อมั่นทั้งโดยรวม ปัจจุบัน และในอนาคต ยังอยู่ในช่วงเชื่อมั่น สำหรับสาเหตุการปรับลดลงของดัชนีโดยรวม คาดว่ามาจากสถานการณ์ความไม่สงบในหลายพื้นที่ ประกอบกับปัญหายาเสพติด ขณะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ชาวมาเลเซียที่เข้ามาในช่วงเทศกาลตรุษจีนและวันหยุดปิดภาคเรียน ประกอบกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ช่วยเพิ่มการบริโภคในประเทศ รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและหนี้สินของภาคธุรกิจ ในส่วนของค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง ภาวะหนี้สิน ระดับครัวเรือน และปัญหาด้านความมั่นคง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อความเชื่อมั่นของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้ เรื่องที่ประชาชนเห็นว่าเป็นปัญหามากที่สุด ยังคงเป็นปัญหาด้านค่าครองชีพหรือราคาสินค้าและบริการสูง (56.96%) รองลงมา ได้แก่ ปัญหารายได้ตกต่ำ (49.57%) ยาเสพติด (42.39%) การว่างงาน (36.33%) และความยากจนเรื้อรัง (34.42%) ตามลำดับ ปัญหาส่วนใหญ่ประชาชนมีความกังวลเพิ่มขึ้น สำหรับปัญหาด้านยาเสพติด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับมากมาอยู่ที่ระดับมากที่สุด โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและยะลา สอดคล้องกับเรื่องที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ด้านการลดค่าครองชีพ การมีงานทำ ราคาสินค้าเกษตร และการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ ถึงแม้ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมในไตรมาสนี้จะปรับตัวลดลง แต่ยังคงอยู่ในช่วงความเชื่อมั่น โดยประชาชนยังคงมีความเชื่อมั่น ด้านเศรษฐกิจ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาวะหนี้สินของภาครัฐ อาทิ โครงการมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ "มีอยู่ มีกิน มีใช้" ซึ่งเป็นโครงการลดภาระหนี้สินโดยการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ประชาชนฟื้นฟูสถานะทางการเงินให้กลับมามีสภาพคล่อง เพิ่มศักยภาพในการทำรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. ราคาค้าส่งญี่ปุ่นเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 4.0% เทียบรายปี ชะลอตัวจากมี.ค. (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 14 พฤษภาคม 2568)

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (CGPI) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บระหว่างกัน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนเมษายน 2568 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และชะลอตัวลงจาก 4.3% ในเดือนมีนาคม โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาค้าส่งชะลอตัวลงคือสกุลเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศถูกลง ซึ่งราคาน้ำมันและข้าวที่ยังคงแพงอยู่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับบริษัทต่างๆ เพราะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเป็นเงินเยน ราคาสินค้านำเข้าลดลงถึง 7.2% ในเดือนเมษายน 2568 เมื่อเทียบกับปีก่อน หลังจากที่ลดลง 2.4% ในเดือนมีนาคม

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)