ข่าวในประเทศ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
1. "พิชัย" สั่งกรมการค้าต่างประเทศดันส่งออกข้าวไทยเพิ่ม (ที่มา: สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น., ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2568)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้กำชับให้กรมการค้าต่างประเทศ ดำเนินการตามแผนส่งเสริมตลาดและผลักดันการส่งออกข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวโลก โดยในเดือนพฤษภาคม นี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention (TRC) 2025 ระหว่างวันที่ 25 – 27 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานประชุมข้าวระดับโลกที่มีผู้ซื้อ ผู้นำเข้าข้าวสำคัญจากประเทศต่างๆ และผู้นำเข้าข้าวรายใหม่ๆ จากหลายภูมิภาค เช่น อเมริกาใต้ แอฟริกา และตะวันออกกลาง ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทย เดินทางเข้าร่วมงาน เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การผลิต การค้า และแนวโน้มตลาดข้าวโลก รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและเอกชนผู้ส่งออกข้าวไทยกับผู้นำเข้าข้าวของประเทศคู่ค้า เพื่อสร้างโอกาสให้มีการพบปะเจรจาธุรกิจการค้าระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทยกับผู้นำเข้าข้าว รวมถึงผู้ค้าข้าว นำไปสู่การตกลงซื้อขายข้าวเพื่อรองรับผลผลิตข้าวไทย ที่คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อไม่น้อยกว่า 100,000 ตัน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การส่งออกข้าวเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าว ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมข้าวไทย และสะท้อนเป็นรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไทยด้วย นอกจากนี้ ตนยังได้มอบหมายให้ กรมการค้าต่างประเทศติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดท่ามกลางความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ เพื่อแสดงถึงความพร้อมที่จะเป็นแหล่งอาหารโลกเพื่อสนับสนุน ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ให้ประเทศคู่ค้าตามนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กรมฯ รับนโยบายขยายตลาดต่อเนื่อง โดยภายหลังจากการจัดงาน Thailand Rice Convention 2025 กรมฯ จะนำผู้ประกอบการค้าข้าวรายย่อย จำนวน 16 ราย จากจังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญ เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2025 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2568 เพื่อช่วยขยายโอกาสและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายข้าวให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวรายย่อย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้ภาคการเกษตร เพิ่มโอกาสและขยายช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อกว่า 500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินทางไปเจรจาขยายตลาดข้าวกับผู้นำเข้าข้าวสำคัญอย่างฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น อีกด้วย
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM)
2. ดีพร้อมผนึกพันธมิตรหนุนน้ำมัน SAF ดันธุรกิจการบินสู่เป้าหมาย Net Zero (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2568)
นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) เปิดเผยว่า ดีพร้อมมีการจัดทำแนวทางการส่งเสริมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel) หรือที่เรียกว่า SAF และศึกษาวัตถุดิบ ที่มีศักยภาพในการผลิต SAF โดยเฉพาะน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) ตามแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทย รวมถึงเดินหน้าสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ พร้อมทั้งสนับสนุนการบริหารจัดการโซ่อุปทานของ UCO สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต SAF โดยดีพร้อมได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรภาคธุรกิจที่มีการใช้น้ำมันปรุงอาหาร ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มเซ็นทรัล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) และสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เพื่อสร้างเครือข่ายและส่งเสริม การบริหารจัดการโซ่อุปทานของ UCO ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต SAF ในเชิงพาณิชย์โดยเป็นการรองรับอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขนส่งทางอากาศ ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือทิ้ง ตามนโยบาย Bio-Circular-Green Economy สำหรับในระยะแรกของความร่วมมือภายใต้ MOU นี้ มุ่งเน้นการส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดกลไกการบริหารจัดการโซ่อุปทานของ UCO สำหรับการผลิต SAF ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ โดยมีขอบเขตการดำเนินงาน ตั้งแต่ การประชาสัมพันธ์ แนะนำ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้และความตระหนักตลอดโซ่อุปทานในกระบวนการรวบรวม UCO สู่การเพิ่มมูลค่าเป็น SAF ตามแนวทาง BCG Model อีกทั้ง ยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นๆ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนให้หันมาให้ความสำคัญกับ การใช้ประโยชน์จาก UCO โดยไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและเกิดการจัดการอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่เพียงเป็นการพัฒนาความมั่นคงด้านพลังงานและเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมโลจิสติกส์การบินของประเทศ ยังส่งผลถึงความยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ในหลายประเทศยังไม่มีนโยบายบังคับเกี่ยวกับการผสม SAF ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย แต่ความต้องการเชื้อเพลิง SAF ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก จากแรงขับเคลื่อนของเป้าหมาย Net Zero และการลดคาร์บอนในภาคการบิน ขณะเดียวกันในหลายภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรป ได้เริ่มกำหนดเป้าหมายขั้นต่ำที่ 2% ภายในปี 2568 หลังจากนี้คงจะเริ่มเห็นทั่วโลกกับการใช้ SAF กันมากขึ้น ขณะที่ "ดีพร้อม" ก็จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ SAF ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต และร่วมผลักดันให้ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางทางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
3. BOI เล็งออกมาตรการใหม่ หวังลดผลกระทบภาษีตอบโต้ (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2568)
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยผลกระทบจากนโยบายการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ว่า ภาครัฐให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยตั้งทีมไทยแลนด์ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าทีมเตรียมความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อต่อรองปรับลดอัตราภาษีตอบโต้ที่สหรัฐประกาศจะเรียกเก็บจากสินค้าไทย 36% เชื่อมั่นว่าการเจรจาจะมีผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ขณะเดียวกัน ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 การประชุมคณะกรรมการบีโอไอ จะพิจารณาออกมาตรการใหม่เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยรองรับอุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งมาตรการใหม่ของบีโอไอดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือด้านภาษีเป็นหลักที่มาช่วยผู้ประกอบการ หลังจากบีโอไอได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีทั้งปรับจากมาตรการเดิมและออกมาตรการใหม่เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะเดียวกัน บีโอไอเตรียมนำแนวทางมาตรการที่ใช้กับอุตสาหกรรมยานยนต์มาขยายผลใช้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย เช่น มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและต่างชาติในภาคอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัจจัยสำคัญของการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ให้มั่นคงและยั่งยืน คือ การยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของประเทศให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบในประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยและ SME ได้มีบทบาทอย่างแท้จริงในระบบอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต โดยงานซับคอนไทยแลนด์จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 ถือเป็นเวทีสำคัญระดับนานาชาติที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบีโอไอ ในการเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรม Business Matching กับผู้ซื้อรายใหญ่ การเจรจาจัดซื้อชิ้นส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และกิจกรรมตลาดกลางซื้อขายที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการทุกระดับ ที่สำคัญในปีนี้ ยังเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเปิดพื้นที่ "xEV Sourcing Zone" เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน (Tier 1) จัดแสดงชิ้นส่วนที่ต้องการจัดซื้อ และกิจกรรม BOI Symposium 2025 ภายใต้ธีม Shaping the Future of xEV in Thailand-Opportunities for Innovation and Growth ที่เชิญผู้นำระดับสูงจากค่ายรถชั้นนำ มาร่วมแลกเปลี่ยนทิศทางการพัฒนา xEV และบทบาทของไทยในเวทีโลก
ข่าวต่างประเทศ
4. เงินเฟ้ออาร์เจนตินาชะลอตัวเกินคาดในเม.ย. (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2568)
สถาบันสถิติและสำมะโนแห่งชาติอาร์เจนตินา (INDEC) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อรายเดือนของอาร์เจนตินาอยู่ที่ระดับ 2.8% ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.1% และชะลอตัวลงจาก 3.7% ในเดือนมีนาคม แม้ว่าชาวอาร์เจนตินายังคงต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าและบริการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม ส่วนอัตราเงินเฟ้อรายปี ในเดือนเมษายน อยู่ที่ 47.3% ลดลงจาก 55.9% ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าระดับ 47.7% ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อยู่เล็กน้อย ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจอาร์เจนตินาระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ เข้ารับตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อรายเดือนอาจชะลอตัวลงเหลือ 2% ภายในปลายปี 2568 ขณะที่ปธน.มิเลย์กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า อัตราเงินเฟ้ออาจหมดไปภายในกลางปีหน้า ส่วนผลสำรวจของธนาคารกลางคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อรายปี ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 31.8
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)