ข่าวประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person sitting at a desk writing on papers

AI-generated content may be incorrect.

นายณัฐพล รังสิตพล

ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

1. ก.อุตฯ ผนึกพันธมิตรปั้นเชฟ 1.7 หมื่นคนสู่ครัวโลก (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568)

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การใช้อาหารเป็น "Soft Power" ไม่ใช่เพียงแนวคิด หากแต่เป็น "ยุทธศาสตร์ชาติ" ที่ต้องขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้การนำของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรี  ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ด้วยการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาระบบนิเวศในการดำเนินธุรกิจ และส่งเสริมการประกอบกิจการให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับสินค้าทั้งด้านมาตรฐานและดีไซน์ให้ทันสมัย โดดเด่น แตกต่าง และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสอดรับกับการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) บูรณาการความร่วมมือ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เร่งเดินหน้า "โครงการยกระดับหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย (Master Thai Chef)" อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นกลไกในการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และทักษะที่ได้รับการรับรอง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสร้างอาชีพใหม่ให้กับประชาชน แต่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายเชฟไทยที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตยั่งยืนสอดคล้องกับนโยบาย OFOS (One Family One Soft Power) การยกระดับรายได้ให้ประชาชนของรัฐบาลผ่านการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอาหารของโลก อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนางสาวณัฎฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2568 ดีพร้อม ได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติทั้ง 13 สาขาเขตขยายพื้นที่เป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพให้ประชาชน จำนวน 17,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตร Master Chef Program 50 ตำรับ จำนวน 12,000 คน และ 2. Master Chef Program Plus 70 ตำรับ จำนวน 5,000 คน โดย จะพัฒนาขึ้นมาใหม่จาก 7 กลุ่มอาหาร ประกอบด้วย อาหารไทยต้นตำรับเพื่อการประกอบอาชีพ อาหารไทยสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพ ขนมหวานไทยประยุกต์สำหรับตลาดสากล อาหารไทย Street Food ฟิวชั่นอาหารไทยกับรสชาติสากล อาหารเจ และอาหารชาววัง ซึ่งออกแบบให้สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เข้ารับการอบรมทำให้สามารถต่อยอดสู่อาชีพ เกิดการสร้างรายได้ และสร้างแบรนด์ท้องถิ่นอันจะนำไปสู่การยกระดับเชฟชุมชนให้เป็น Soft Power ระดับประเทศและการยอมรับอาหารไทยในเวทีสากลต่อไป

 

A person sitting in a chair holding a tablet

AI-generated content may be incorrect.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์

 

 

2. พาณิชย์เร่งระบายสินค้าตกค้าง บรรเทาผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานพาณิชย์จังหวัด (สพจ.) และกรมการค้าภายในได้เร่งระบายสินค้าตกค้างที่ไม่สามารถส่งไปจำหน่ายยังกัมพูชา โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร โดยจัดสรรพื้นที่จำหน่ายและเชื่อมโยงผู้รับซื้อ ดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 36 ครั้ง ใน 7 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี ตราด และสุรินทร์ สามารถระบายผลไม้ได้ 110,000 กิโลกรัม (มูลค่า 5.44 ล้านบาท) และระบายผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ เช่น ไก่พื้นเมือง เป็ด และนมสด ช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการ ผู้ค้ารายย่อย พี่น้องเกษตรกร และชาวบ้านในพื้นที่ได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม กระทรวงพาณิชย์จะจัดจุดจำหน่ายและงานแสดงสินค้าอีกจำนวน 6 ครั้ง ในช่วง 2 เดือนข้างหน้านี้ โดยมีกำหนดจัดที่จังหวัดอุบลราชธานี (วันที่ 8-13 กรกฎาคม 2568 ณ ห้างสุนีย์ ดำเนินการโดย สพจ.อุบลราชธานี) จังหวัดจันทบุรี (วันที่ 14-20 และวันที่ 21-27 กรกฎาคม 2568 ณ ห้างเซ็นทรัล ดำเนินการโดย สพจ.ตราด และ สพจ.จันทบุรี ตามลำดับ) และจังหวัดศรีสะเกษ (วันที่ 18-20 กรกฎาคม และวันที่ 1-3 สิงหาคม 2568 ณ ห้างบิ๊กซี ดำเนินการ โดย สพจ.ศรีสะเกษ)

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ยังได้สั่งการให้ดำเนินการเพิ่มเติม เพื่อให้มีความทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการประเมินสถานการณ์และดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการบริหารจัดการผลไม้ โดยกรมการค้าภายในที่มีอยู่ด้วยกันหลายมาตรการ อาทิ จัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ (Thai Fruits Festival 2025) ร่วมกับไปรษณีย์ไทยในการจัดส่งกล่องส่งผลไม้ฟรี และเปิดให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนสั่งซื้อผลไม้ ซึ่งได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้และได้รับการตอบรับ เป็นอย่างดี เป็นความร่วมมือในการช่วยเหลือกัน ตามนโยบาย "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย"

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายธนากร เกษตรสุวรรณ

ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

3. เอกชนชี้ภาษีทรัมป์ 36% ทุบส่งออก (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568)

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวในจดหมาย ซึ่งเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 โดยระบุอัตราภาษีใหม่ที่จะเรียกเก็บจากไทย 36% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม เริ่มบังคับใช้ 1 สิงหาคม 2568 ว่าหากข้อเสนอรอบ 2 ของไทยไม่เพียงพอ ทีมเจรจาก็ต้องพิจารณาข้อเสนอเพิ่มเติมเข้าไปอีกเพราะเรามีเวลาเจรจาอีก 3 สัปดาห์ ก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคม ก็ยังมีความหวังที่สหรัฐจะพิจารณาข้อเสนอของไทยเพื่อลดอัตราภาษีของไทย โดยผลกระทบจากการเก็บภาษี 36% ถือว่าหนักและเสียหายมาก เพราะไทยมีคู่แข่งสำคัญในอาเซียน อย่างเวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งโดนภาษีน้อยกว่าไทย ทำให้สินค้าที่ส่งออกประเภทเดียวกัน ผู้นำเข้าก็จะเทคำสั่งซื้อไปยังเวียดนามและมาเลเซีย สิ่งที่น่ากลัวคือการลงทุน โอกาสที่ไทยจะดึงการลงทุนเข้าประเทศก็เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะนักลงทุนสหรัฐ และจีนก็จะชะลอการลงทุน ถือว่าผลกระทบหนักพอสมควร โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ยอดส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมของไทยค่อนข้างเยอะ เมื่อเจอภาษี 36% ทำให้ "จุก" พอสมควร

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีสหรัฐเป็นคู่ค้าหลัก เช่น อาหารแปรรูป สินค้าเกษตร ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ อัญมณี เหล็กและอะลูมิเนียม อาจสร้างความเสียหายต่อการส่งออกไทยราว 8-9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ สอท.จะมีการประชุมเร่งด่วนภายในร่วมกับ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อประเมินผลกระทบเป็นรายกลุ่ม และจัดทำมาตรการรองรับที่เหมาะสม หลังจากนั้น ในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะประชุมร่วมกับภาครัฐเพื่อหามาตรการตั้งรับต่อไป

 

 

ข่าวต่างประเทศ

A red circle on a white background

AI-generated content may be incorrect.

 

4. ญี่ปุ่นลั่น! ดีลการค้ากับสหรัฐฯ ต้องลดภาษีรถยนต์ให้ได้ หลังทรัมป์ขู่เก็บ 25% (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 9 กรกฎาคม 2568)

นายเรียวเซ อาคาซาวะ หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ข้อตกลงการค้าใดๆ กับสหรัฐฯ จะต้องรวมถึงการลดหย่อนภาษีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 25% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ทางญี่ปุ่น และสหรัฐฯ สองฝ่ายกำลังพยายามตกลงกันในรูปแบบแพ็กเกจมาตรการ ครอบคลุมตั้งแต่การขยายการค้า อุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร ไปจนถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้เริ่มแจ้งให้ประเทศคู่ค้าทราบถึง  การขึ้นภาษีครั้งใหญ่ แต่ได้ส่งสัญญาณว่าอาจเลื่อนการขึ้นภาษีออกไปอีกหากได้รับข้อเสนอที่น่าพอใจ พร้อมลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อชะลอการบังคับใช้ออกไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568

อย่างไรก็ตาม อาคาซาวะยืนยันว่า ญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดเส้นตายในการเจรจา รวมถึงวันที่ 1 สิงหาคม และจะไม่ยอม "สังเวย" ภาคเกษตรกรรมของประเทศเพื่อแลกกับการบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว โดยภารกิจสำคัญที่สุดคือการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจญี่ปุ่น และกำลังเผชิญกับการถูกเรียกเก็บภาษี 25% ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ หากไม่มีการตกลงเรื่องภาษีรถยนต์                  

 

มายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)