ข่าวประจำวันที่ 16 กันยายน 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit

AI-generated content may be incorrect.

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์

ปลัดกระทรวงพาณิชย์

1. ไทย-ชิลี กระชับสัมพันธ์ ขยายความร่วมมือการค้าการลงทุน (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 กันยายน 2568)

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนางเกลาเดีย ซันอูเอซา รัฐมนตรีช่วยด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของชิลี ว่าเป็นโอกาสที่ไทยและชิลีได้แลกเปลี่ยนมุมมองและความเห็นต่อแนวทางขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ทั้งในระดับทวิภาคี ผ่าน FTA ไทย-ชิลี ซึ่งจะมีอายุครบรอบ 10 ปีในปีนี้ โดย FTA ไทย-ชิลี มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 และระดับภูมิภาคผ่านกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค รวมถึงความร่วมมือในฐานะประเทศสมาชิกของเวทีองค์การการค้าโลก นอกจากนี้ ไทยมีความยินดีที่ชิลีสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป และพร้อมให้การสนับสนุนชิลีอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ชิลีได้แสดงความยินดีที่ไทยสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจดิจิทัล หรือเดป้า ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าดิจิทัลที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือและลดอุปสรรคทางการค้าดิจิทัล โดยปัจจุบันมีสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และชิลี เป็นสมาชิก โดยการมาในครั้งนี้ ชิลีได้นำคณะนักธุรกิจชิลีกว่า 30 ราย ร่วมเดินทางมายังไทยเพื่อพูดคุยกับภาคธุรกิจของไทยและอาเซียน นับเป็นการแสดงความพร้อมที่จะขยายการลงทุนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย โดยเฉพาะในสาขาที่ชิลีมีศักยภาพ อาทิ การทำเหมืองแร่ ก่อสร้าง และการเกษตร ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้ส่งออกไทยในสินค้าอุตสาหกรรมและอาหารกว่า 40 ราย เดินทางเยือนชิลี บราซิล อาร์เจนตินา เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จึงเห็นว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่จะได้สานต่อการขยายการค้าและความร่วมมือระหว่างกัน

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้เน้นย้ำถึงความพร้อมในการทำงานร่วมกับชิลี เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจในการใช้ประโยชน์จาก FTA ไทย-ชิลี โดยความตกลงฉบับนี้ ถือว่าเป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าต่อมูลค่าส่งออกในระดับสูงมาโดยตลอด โดยในปี 2567 ผู้ส่งออกไทยมีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจาก FTA ไทย-ชิลี สูงถึง 99.72%

 

A person in a suit sitting at a table

AI-generated content may be incorrect.

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

2. ส.อ.ท.ถกนายกฯ จี้เติมทุนเอสเอ็มอี (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 16 กันยายน 2568)

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ได้หารือร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการทุ่มตลาดสินค้าราคาถูกเข้ามาในไทย หากไม่แก้ไขจะส่งผลกระทบต่อเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นจาก 24 กลุ่มเป็น 30 กลุ่ม ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีปัญหาต้นทุนพลังงานที่สูง เอสเอ็มอีเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด อยากให้รัฐแก้ปัญหาให้ตรงจุด เช่น การตัดหนี้ ขยายวงเงินให้เอสเอ็มอีมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เร็วที่สุด ส่วนปัญหาการค้าชายแดนที่ส่งผลต่อซัพพลายเชนภาคอุตสาหกรรม เราแก้ไขปัญหากันเอง เพราะเข้าใจว่าเรื่องสำคัญของประเทศคือเรื่องอธิปไตย ทั้งนี้ อยากให้เร่งโครงการที่จะสร้างพายุหมุนเศรษฐกิจได้จริง คือ เร่งจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วย Made in Thailand ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่านั้นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลอยู่แล้ว แต่ค่าไม่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ควรจะอ่อน ต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมีการพูดถึงการส่งออกทองคำไปยังกัมพูชาสูงมากผิดปกติ ในฐานะผู้ส่งออกค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 34-35 บาท

อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า เชื่อมั่นว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีความพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะต้องครอบคลุมและเห็นผลชัดเจนทั้งผู้บริโภค SMEs เกษตรกร แรงงาน และธุรกิจทุกระดับ เพื่อสร้างงาน เพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินในระบบ ในภาคค้าปลีกซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาท ดังนั้น สมาคมจึงขอเสนอชุดมาตรการเร่งด่วน 3 ด้าน ได้แก่ 1. เร่งกระตุ้นการจับจ่าย เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนเพื่อสร้างผล กระทบเชิงเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2. ส่งเสริมไทยเป็นสวรรค์แห่งการช็อปสำหรับนักท่องเที่ยว และ 3.กระตุ้นการจ้างงาน ด้วยการจ้างงานรายชั่วโมง ช่วยลดปัญหาการว่างงานในกลุ่มนักศึกษา ผู้สูงอายุ และแรงงานนอกระบบ ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้ จะไม่เพียงช่วยภาคค้าปลีก แต่ยังสร้างประโยชน์ต่อผู้ผลิต เอสเอ็มอี เกษตรกร แรงงาน และผู้บริโภคทุกกลุ่ม ก่อให้เกิดแรงส่งเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง สมาคมพร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงภาคค้าปลีกกับรัฐบาลเพื่อผลักดันให้มาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

 

3. 'บีโอไอ' ดึงเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ ลงทุนไทย (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 กันยายน 2568)

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอพร้อมด้วยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ได้เดินทางเยือนรัฐแอริโซนา และรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 8-12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อหารือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวง อว. และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแอริโซนา (ASU) ซึ่งเป็นสถาบันหลักในการพัฒนาบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ขณะที่รัฐแอริโซนา ถือเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีบริษัทชั้นนำตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในการจัดโรดโชว์ครั้งนี้เป็นการต่อยอดการเยือนสหรัฐฯ เมื่อเดือนเมษายน 2568 โดยการโรดโชว์ทั้ง 2 ครั้งมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันเป้าหมายของคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์) ให้บรรลุผล 2 ประการคือ 1. ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท ใน 5 ปี (พ.ศ.2568-2572) โดยเฉพาะอุตสาหกรรมต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และ 2. พัฒนาบุคลากรด้านเซมิคอนดักเตอร์ไม่น้อยกว่า 80,000 คน ใน 5 ปี เพื่อสร้างฐานกำลังคนรองรับอุตสาหกรรมอนาคต ทั้งนี้ เซมิคอนดักเตอร์กลายมาเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของโลก เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตหน่วยประมวลผล และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดโลกกว่า 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี ค.ศ. 2030 จากความต้องการชิปรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น AI ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์สมัยใหม่ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ โดยสหรัฐฯ ถือเป็นผู้นำในเกือบทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล ชิปสำหรับ AI ชิปด้านการส่งสัญญาณต่างๆ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การโรดโชว์ครั้งนี้บีโอไอและทีมไทยแลนด์ได้พบกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลกกว่า 10 ราย ทั้งบริษัทที่มีฐานผลิตในไทยอยู่แล้ว จึงได้เชิญชวนให้ขยายการลงทุน โดยเฉพาะการผลิตในระดับต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Microchip, Analog Devices (ADI) ผู้นำด้านชิปอนาล็อก, Lumentum ผู้นำด้านการออกแบบ และผลิตชิปในกลุ่มสื่อสารด้วยแสงและเลเซอร์สำหรับงานอุตสาหกรรม ,NXP Semiconductors ผู้นำด้านชิปสำหรับยานยนต์ นอกจากนี้ ยังได้พบหารือกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ยังไม่มีการลงทุนด้านนี้ในไทย เพื่อเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในไทย เช่น Intel บริษัทชิปประมวลผลรายใหญ่ของโลก, Qorvo ผู้ผลิตชิปสำหรับอุปกรณ์และระบบที่ต้องใช้การเชื่อมต่อไร้สาย, Synopsys ผู้นำด้านการโปรแกรมออกแบบผลิตภัณฑ์ชิป, Renesas หนึ่งในผู้ผลิตชิปประมวลผลประเภทไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, Bechtel บริษัทวิศวกรรมและก่อสร้างระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโรงงานผลิตชิปและโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งจากการหารือหลายบริษัทแสดงความสนใจและจะเริ่มทำงานร่วมกับบีโอไอและกระทรวง อว. เพื่อศึกษารายละเอียดในการขยายกิจการด้านการวิจัยและพัฒนา การตั้งศูนย์ออกแบบชิป การประกอบและทดสอบชิปขั้นสูงในไทย โดยบริษัทต่างๆ ยังได้ย้ำถึงการสร้างกำลังคนให้เพียงพอ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลต่อการลงทุน

 

ข่าวต่างประเทศ

A red and white flag

AI-generated content may be incorrect.

 

4. อินโดฯ จ่อทุ่มเม็ดเงินเกือบพันล้านดอลล์กระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 16 กันยายน 2568)

แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีกระทรวงประสานงานเศรษฐกิจอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า อินโดนีเซียเตรียมทุ่มเม็ดเงิน 16 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 989 ล้านดอลลาร์) เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยรัฐบาลอินโดนีเซียจะจัดสรรงบประมาณให้กับ 8 โครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการแจกข้าวสารให้แก่ชาวอินโดนีเซียผู้ยากไร้ และโครงการลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก นอกจากนี้ ฮาร์ตาร์โตจะเป็นผู้นำคณะทำงานชุดใหม่ในการเร่งรัดการดำเนินโครงการสำคัญหลายโครงการ เช่น โครงการพัฒนาสหกรณ์หมู่บ้าน และโครงการสร้างที่อยู่อาศัยสาธารณะ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจอินโดนีเซียกำลังเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อันเป็นผลมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้ ทางการก็ได้ประกาศมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี โดยมุ่งเป้าไปที่ภาคการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)