ข่าวในประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. "ธนกร" ตั้งชุด "เต็มเหนี่ยว" ลุยปราบรง.เถื่อน-ลักลอบทิ้งกากอุตฯ นำเข้าสินค้าด้อยคุณภาพ (ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2568)
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายกับการประกอบกิจการอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป โดยคณะกรรมการเฉพาะกิจดังกล่าวมีนางสาวพลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นที่ปรึกษากรรมการ, นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ, พันตำรวจเอกภคิน ศิวเมธากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เป็นรองประธานกรรมการ นอกจากนี้มีนายทีปกร โกมลพันธ์พร อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม, ผู้แทนกรมอุตสาหกรรมและการเหมืองแร่, ผู้แทนกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และผู้แทนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ นายบวรวิทย์ อัครจันทโชติ ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายสมชัย เอมบำรุง ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
อย่างไรก็ตาม สำหรับคณะกรรมการฯ ดังกล่าว มีหน้าที่ดังนี้ 1. ศึกษา รวบรวมข้อมูล เพื่อเสนอแนะมาตรการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการฯต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายการประกอบการอุตสาหกรรม และกำหนดแผนงานเพื่อการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกิจการที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรงและกว้างขวาง 3. อำนวยการ กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา แนะนำ และเร่งรัดการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามแผนและมาตรการที่กำหนดขึ้น 4. ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการอุตสาหกรรมกับหน่วยงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในกรณีมีความจำเป็น 5. เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงอุตสาหกรรมมาให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อคณะกรรมการ หรือประสานงานกับภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย 6. ให้ข่าวสารเกี่ยวกับการทำหน้าที่ต่อสาธารณะ ตามที่จำเป็นและเห็นสมควร 7. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และมอบหมายเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานตามความเหมาะสม และ 8. ปฏิบัติงานอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมาย ซึ่งการปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการชุดนี้ จะดำเนินการภายใต้ชื่อว่า “เต็มเหนี่ยว” และคณะเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายใต้มาตรการและแผนที่กำหนดขึ้นตามคำสั่ง ให้เรียกว่า “ชุดปฏิบัติการเต็มเหนี่ยว” เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และการปฏิบัติอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป.)
2. ทป.ปลุกอุตฯหนังสือไทย 2 หมื่นล้าน เจ้าของ 'ลิขสิทธิ์' คุ้มครองสินปัญญา (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2568)
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมหนังสือไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จากปัจจัยด้านเทคโนโลยีและการเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวสู่ช่องทางดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งกระแสความนิยมและความตื่นตัวในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยผลงานของนักเขียนไทยได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ มีการซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาต่างๆ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ และต่อยอด ผลงานหนังสือไปสู่ซีรีส์ ภาพยนตร์ และเกม ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในยุคที่การอ่านกลายเป็นทั้งวัฒนธรรมและธุรกิจแห่งอนาคต ส่งผลให้ในปี 2568 มูลค่าตลาดหนังสือไทยขยายตัวทะลุ 20,000 ล้านบาท และมีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งลิขสิทธิ์มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กรมจึงส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญของลิขสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 30 จัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น กรมมีส่วนร่วมส่งเสริมความรู้ด้านลิขสิทธิ์และการต่อยอดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านลิขสิทธิ์ของกรมร่วมถ่ายทอดความรู้เรื่องลิขสิทธิ์แบบเข้าใจง่าย ผ่านการสัมมนาในหัวข้อพื้นฐานความรู้ด้านกฎหมายลิขสิทธิ์และประเภทของสัญญาลิขสิทธิ์ เช่น สิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า ตั้งแต่เริ่มต้นช่วงเวลาคุ้มครองผลงาน อายุคุ้มครอง ข้อควรระวัง แนวทางการปกป้องลิขสิทธิ์ โดยมีผู้สนใจเข้าฟังและซักถามในประเด็นต่างๆ เช่น การคุ้มครองผลงานลิขสิทธิ์ที่เผยแพร่บนช่องทางออนไลน์ การทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ การจัดทำคำแปลหนังสือหรือคอนเทนต์จากภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยโดยไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นต้น สะท้อนถึงความตื่นตัวของผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมหนังสือ รวมถึงสนับสนุนผลงานผู้ชนะเลิศเรื่อง เกมล้างกรรม ไปต่อยอดสร้างรายได้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการพัฒนาบทเป็นเว็บตูนบนออนไลน์
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ (BOI)
3. ยักษ์ใหญ่ไมโครชิพขยายลงทุนไทย (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2568)
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยหลังเยี่ยมชมสายการผลิตและพบหารือกับผู้บริหาร บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ว่า ไมโครชิพเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่รายแรกจากสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2538 และได้ขยายการลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการของบีโอไอ ได้อนุมัติส่งเสริมการขยายการลงทุนโครงการประกอบและทดสอบชิป (Wafer Testing, IC Packaging and Testing) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดโลกมูลค่า 2,000 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมถึงปัจจุบัน บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับการส่งเสริมการลงทุน 12 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 38,000 ล้านบาท ซึ่ง ไมโครชิพ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) เป็นบริษัท ในเครือ Microchip Technology Inc. ผู้นำระดับโลกด้านเซมิคอนดักเตอร์และระบบควบคุมอัจฉริยะ โดยผลิตชิปประเภทไมโครคอนโทรลเลอร์ ชิปอะนาล็อก และการจัดการพลังงานที่เป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ทั้งยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคม ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมอวกาศ ขณะเดียวกัน บริษัทมีลูกค้า 100,000 ราย ใน 120 ประเทศ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ และในประเทศไทย ไมโครชิพมีโรงงานประกอบและทดสอบชิป โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง 2 แห่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปัจจุบันจ้างงานคนไทย 4,500 คน ในจำนวนนี้ เป็นวิศวกรไทย 440 คน ถือเป็นฐานการประกอบและทดสอบชิปที่ใหญ่ที่สุดในเครือ โดย 90% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของไมโครชิพทั่วโลกจะถูกส่งมาทดสอบที่โรงงานในไทยแห่งนี้ก่อนจำหน่ายให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม สำหรับกิจการในไทยครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบวงจรรวมบนแผ่นซิลิคอนเวเฟอร์การประกอบและทดสอบชิป การเป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงการสนับสนุนด้านวิศวกรรมเทคนิค การผลิต และเทคโนโลยีการตรวจสอบประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์แก่บริษัทในเครือทั่วโลก สำหรับการขยายการลงทุนรอบใหม่นี้ เน้นเพิ่มขีดความสามารถการประกอบและทดสอบชิปขั้นสูง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดโลก นอกจากนี้ ไมโครชิพยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรไทย โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษา 21 แห่ง ทั้งระดับปริญญาตรีและอาชีวศึกษารวมถึงโครงการสหกิจศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรขั้นสูงด้านเซมิคอนดักเตอร์ โดยองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ได้สั่งสมในฐานการผลิตในไทย ทำให้โรงงานในไทยเป็นหนึ่งในศูนย์ความรู้ที่ใช้อบรมและพัฒนาวิศวกรของบริษัทจากต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ การที่บริษัทไมโครชิพหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมชิประดับโลกจากสหรัฐอเมริกาได้ลงทุนและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยจนกลายเป็นศูนย์ประกอบและทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเครือ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในขีดความสามารถของไทยในการเป็นฐานที่มั่นสำคัญสำหรับการเติบโตของบริษัทในระยะยาวการขยายการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไทย
ข่าวต่างประเทศ
4. IMF คาด GDP ไทยโต 2.0% ปีนี้/1.6% ปีหน้า ต่ำสุดในกลุ่ม ASEAN-5 (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2568)
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกประจำปีนี้ ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.2% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนกรกฎาคม ที่ระดับ 3.0% หลังจากมีการขยายตัว 3.3% ในปี 2567 นอกจากนี้ IMF คาดการณ์เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.1% ในปี 2569 ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนกรกฎาคม ขณะเดียวกัน IMF คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัว 2.0% ในปีนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนกรกฎาคม แต่ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้า สู่ระดับ 1.6% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.7% หลังจากมีการขยายตัว 2.5% ในปี 2567 และ 2.0% ในปี 2566
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของไทยถือว่าต่ำที่สุดในกลุ่ม ASEAN-5 โดย IMF คาดว่าเวียดนามจะมีการขยายตัว 6.5% ในปีนี้ ขณะที่ฟิลิปปินส์ขยายตัว 5.4% อินโดนีเซียขยายตัว 4.9% และมาเลเซียขยายตัว 4.5% โดย IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.0% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.9% และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัว 4.8% ขณะที่คาดว่ายูโรโซนจะขยายตัว 1.2% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.0%
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)