ข่าวประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person with her arms crossed

AI-generated content may be incorrect.

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม

อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์

 

1. ไทยประชุมอาเซียน-ฮ่องกง ผนึกความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568)

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้น.ส.กนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และคณะ เข้าร่วมการประชุมด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างอาเซียนและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ASEAN-Hong Kong, China (HKC) IP Roadshow ซึ่งจัดขึ้นภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (AHKFTA) เมื่อวันที่ 8-10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และการรับรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ใช้เวทีการประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสในการยกระดับการรับรู้และเสริมสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาของภูมิภาคอาเซียนให้กับภาคเอกชนชั้นนำของจีนฮ่องกง โดยภายในงานมีการจัดเวที "I-Pitch, I-Plunge" เพื่อให้ผู้แทนจากประเทศอาเซียนได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับระบบการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา และงานบริการต่างๆ ที่ทันสมัย รวมทั้งเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงระบบนิเวศด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็ง ส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมฮ่องกงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้แทนกรมได้ร่วมหารือกับสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของจีนฮ่องกง (Hong Kong Intellectual Property Department: HKIPD) เพื่อกำหนดทิศทางความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกัน ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียนฉบับใหม่ (ASEAN Intellectual Property Rights Action Plan: AIPRAP) ซึ่งมีกรอบเวลาการดำเนินงานระหว่างปี 2569-2573 โดยตั้งเป้าส่งเสริมบทบาทของทรัพย์สินทางปัญญาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสองภูมิภาค ซึ่งประเด็นที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันและมุ่งให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ แนวทางการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา (IP Financing) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งทุนและใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ แนวทางการคุ้มครองผลงานสร้างสรรค์ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น รวมทั้งแนวทางการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบนช่องทางออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ยังได้เข้าศึกษาดูงานที่สภาเพิ่มผลผลิตแห่งจีนฮ่องกง (Hong Kong Productivity Council: HKPC) ซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเพิ่มผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีใหม่ๆ การฝึกอบรมบุคลากร การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อผลักดันภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ของจีนฮ่องกงให้สามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้ โดยการศึกษาดูงานครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกรม และ HKPC เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ร่วมกัน เพื่อนำแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการของจีนฮ่องกง มาปรับใช้ในการพัฒนาระบบสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้สามารถยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันและก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

 

A person sitting in a chair holding a tablet

AI-generated content may be incorrect.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

 

2. ปรับแผนจัดการนอมินี เพิ่มเงื่อนไขเจาะลึกกลุ่มเสี่ยง (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568)

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ปรับวิธีการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยง เป็นนอมินีจากการที่มีคนต่างด้าวเข้ามาถือหุ้นตั้งแต่ 0.001-49.99% ใน 6 ธุรกิจเสี่ยง จำนวน 46,918 รายใหม่ โดยได้เพิ่มเงื่อนไขการตรวจสอบที่เจาะจงลึกลงไปว่าธุรกิจนั้นๆ มีความเสี่ยงหรือน่าสงสัยที่จะเป็นนอมินีจริง จากเดิมที่ดูแค่จำนวนผู้ถือหุ้น เพื่อให้เหลือจำนวนธุรกิจที่จะตรวจสอบให้น้อยลง โดยคาดว่าหลังจากปรับหลักเกณฑ์การตรวจสอบจะเหลือ ธุรกิจที่ต้องตรวจสอบเร่งด่วนหลักพันราย และจะโฟกัสตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยง เหล่านี้ก่อน เมื่อตรวจสอบครบแล้ว ก็จะขยายผลไปตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อยลงมาต่อไป สำหรับธุรกิจเสี่ยง ที่จะตรวจสอบ ยังอยู่ในเป้าหมายเดิม คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ e-commerce ขนส่งและคลังสินค้า ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการเกษตร (ล้ง) และธุรกิจก่อสร้างทั่วไป ทั้งนี้ กรมยังได้ตั้งกองใหม่ คือ กองป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย และตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย มีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธาน ซึ่งได้กำหนดแนวทางการป้องกันนอมินีและธุรกิจผิดกฎหมาย โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการจดทะเบียนธุรกิจ ที่จะดูตั้งแต่การจดตั้งธุรกิจใหม่ คณะอนุกรรมการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบบัญชีธุรกิจ และคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ที่จะดูว่ากฎหมายที่กรม รับผิดชอบอยู่ จะใช้กฎหมายใดมาเอาผิดผู้ที่กระทำผิดได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศฝ่าฝืนกฎหมาย ที่หมดอายุลงตามรัฐบาลชุดก่อน ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเสนอต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ชุดใหม่ มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพราะต้องทำงานร่วมกับ 20 หน่วยงาน และยังได้เพิ่มหน่วยงานใหม่อีก 4 หน่วยงาน คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เข้ามาร่วมในคณะกรรมการฯ เพราะการทำงาน ไม่ใช่ดำเนินการกับสินค้าและธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่ต้อง เปิดช่องให้คนดี ธุรกิจดี ที่พร้อมอยู่ภายใต้กฎหมายได้รับการสนับสนุนด้วย

 

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

 3. เชื่อมั่นอุตฯ กระเตื้องในรอบ 7 เดือน (ที่มา: ข่าวสด, ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568)

ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 87.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 86.4 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรก   ในรอบ 7 เดือน เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชน และเอื้อต่อการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน รวมทั้งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกขึ้น ทั้งนี้ สำหรับการส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและอิเล็กทรอนิกส์ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ภายในประเทศยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากงาน "BIG Motor Sale 2025" การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) มีแนวโน้มขยายตัว โดยในช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 125% คิดเป็นมูลค่ารวม 225,536 ล้านบาท โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เพิ่มขึ้น 21% คิดเป็นมูลค่า 74,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 91.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอยู่ที่ระดับ 88.9 ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ โครงการ "คนละครึ่ง" ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการ ภายในเดือนตุลาคม 2568 ภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงินประมาณ 25,000 ล้านบาท และการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากแรงหนุนของเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

 

ข่าวต่างประเทศ

A logo on a white surface

AI-generated content may be incorrect.

 

4. โอเปกย้ำโลกยังต้องพึ่งน้ำมัน คาดครองตลาดพลังงานโลกอีกยาวถึงปี 2593 (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568)

ไฮแธม อัล ไกส์ เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยว่า โลก ยังต้องพึ่งพาการลงทุนเพิ่มในภาคน้ำมันและก๊าซ เนื่องจากน้ำมันยังคงมีบทบาทสำคัญในระบบพลังงานโลก โดยคาดว่าจะครองสัดส่วนราว 30% ของพลังงานทั่วโลกไปจนถึงปี 2593 ซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของประชากร และกระบวนการขยายเมืองทั่วโลก ล้วนสะท้อนว่า ความต้องการพลังงานจะมากกว่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พร้อมประเมินว่าความต้องการพลังงานขั้นต้นทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 23% ภายในปี 2593 ถึงแม้สถานการณ์โลกจะเต็มไปด้วยความปั่นป่วน แต่โอเปกยังคงยึดมั่นในแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้านและมีความเป็นมืออาชีพ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดอย่างแม่นยำ ทั้งนี้ การคาดการณ์ของโอเปกอยู่ในระดับสูงกว่าหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ซึ่งประเมินว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะถึงจุดสูงสุดในปี 2572 และอาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดมากถึง 4 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2569

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน กลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) ซึ่งรวมถึงรัสเซียและประเทศพันธมิตร ได้เพิ่มปริมาณน้ำมันในตลาด หลังสมาชิกบางประเทศตัดสินใจลดข้อจำกัดการผลิตเร็วกว่ากำหนด การเพิ่มอุปทานดังกล่าว สร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะน้ำมันล้นตลาด และส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันในปีนี้      

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)