ข่าวประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2568

ข่าวในประเทศ

A person in a suit sitting at a desk

AI-generated content may be incorrect.

นายพรยศ กลั่นกรอง

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

1. กรอ.คลายล็อกร.ง.4 อุตฯป้องกันปท. (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2568)

นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ร่วมคณะของนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ณ บริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมลงพื้นที่ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้นายธนกรได้เข้าเยี่ยมชม บริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด ในการติดตามความคืบหน้าการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นหนึ่งในพันธกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ และภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้ บริษัท อาร์ วี คอนเน็กซ์ จำกัด เป็นบริษัทชั้นนำของไทยในการออกแบบ ผลิต และทดสอบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) อย่างครบวงจร รวมถึงระบบป้องกันโดรน (Anti-Drone) ถือเป็นบริษัทที่มีความพร้อมทั้งในด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ และบุคลากรที่มีความสามารถ จากนั้นเข้าเยี่ยมชมระบบ และเครื่องมือยุทธภัณฑ์ต่างๆ ภายในบริษัท โดยนายธนกร ได้รับฟังแนวทางพร้อมข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของผู้บริหารและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะใช้ภารกิจหลักเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อน โดยเน้นที่การอำนวยความสะดวก และยกระดับมาตรฐาน ประกอบด้วย 1. อำนวยความสะดวก ด้านกฎหมาย จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) สำหรับโรงงานที่ผลิตยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยี ขั้นสูง เพื่อให้สามารถเริ่มต้นและขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว โดยลดความซ้ำซ้อน และภาระที่ไม่จำเป็น และ 2. มาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม จะทำงานเชิงรุกในการให้คำปรึกษาและกำกับดูแล เพื่อให้โรงงานกลุ่มนี้ โดยเฉพาะส่วนที่มีการผลิตที่ซับซ้อน เช่น การใช้สารเคมีหรือการจัดการของเสียจากการผลิตชิ้นส่วน สามารถปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัย (Safety) และสิ่งแวดล้อม (Environmental) ที่เข้มงวด ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว เทียบเท่ามาตรฐาสากล

 

A person in a suit and tie speaking into a microphone

AI-generated content may be incorrect.

นายเกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์

ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์

2. สศช.มอบส.ยานยนต์ ศึกษาต้นทุนผลิตอีวี (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2568)

นายเกรียงศักดิ์ วงศ์พร้อมรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยกองบัญชีประชาชาติ (กบป.) ได้มอบหมายให้ สถาบันยานยนต์ และคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดทำ "โครงการดำเนินการศึกษาโครงสร้างต้นทุนการผลิตและห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย" เพื่อประกอบการจัดทำสถิติบัญชีประชาชาติ ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน สามารถสะท้อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงจากห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดประชุม โดยนาย พีรณัฐ แดงสกุล ผู้อำนวยการกองบัญชีประชาชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดโครงการและบรรยายพิเศษการจัดทำสถิติบัญชีประชาชาติสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ขณะที่สถาบันยานยนต์ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ ภูมิทัศน์ใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี นอกจากนี้คณะทำงานโครงการฯ ได้นำเสนอข้อมูลโครงการฯ และแนวทางการจัดเก็บข้อมูลจาก ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์พร้อมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งกลุ่มรถยนต์นั่ง รถกระบะ รถบรรทุก รถโดยสาร และรถจักรยานยนต์ รวมทั้ง กลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม

A person in a suit and tie

AI-generated content may be incorrect.

นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ

ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

 

 3. ไทยควรถอดบทเรียนจากจีน เหตุใดต้องคุมเข้มมาตรฐานเหล็กเส้นเตา IF (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2568)

นายบัณฑูรย์ จุ้ยเจริญ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผล การศึกษาของคณะทำงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กว่า กลุ่มเหล็กได้รวบรวมข้อมูลทางวิชาการและถอดบทเรียนจากประเทศจีน เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการแก้ไข มอก. เหล็กเส้น ที่ขณะนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำลังทบทวน คือ มอก. 20-2559 เหล็กเส้น เสริมคอนกรีต เหล็กเส้นกลม และ มอก. 24-2559 เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กข้ออ้อย เพื่อสร้างมาตรฐานเหล็กเส้นไทย ที่ให้ความมั่นใจในความปลอดภัย หลังพบการรายงานปัญหาคุณภาพของเหล็กเส้นที่ผลิตจาก Induction Furnace (IF) และเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศไทยผลิตเหล็กเส้นก่อสร้างประมาณปีละกว่า 3 ล้านตัน โดยในปี 2567 มีเหล็กจาก IF ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่าครึ่ง หรือประมาณ 1.6 ล้านตัน, เหล็กจาก EAF (Electric Arc Furnace) ประมาณ 1.2 ล้านตัน และจากการนำเข้าบิลเล็ตรีด เป็นเหล็กเส้นอีกประมาณ 0.3 ล้านตัน โดยเหล็กจาก IF ขายราคาต่ำจึงมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด สำหรับบทเรียนจากประเทศจีนนั้น จีนเคยเป็นผู้ผลิตเหล็กเส้น IF รายใหญ่ที่สุดในโลกด้วยกำลังการผลิตปีละกว่า 120 ล้านตัน แต่พบปัญหาเหล็กเส้นคุณภาพต่ำมีความเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น อาคารและสะพานถล่ม จีนจึงตัดสินใจปิดโรงงาน IF กว่า 600 แห่ง ในปี 2560 และปรับมาตรฐานเหล็กเส้นจีน (GB 1499-2018) กำหนดให้ผลิต เหล็กเส้นจาก BOF (Basic Oxygen Furnace) หรือ EAF เท่านั้น พร้อมทั้ง กำหนดคุณสมบัติเหล็กเส้นเกรดรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว และได้ปรับมาตรฐานให้เข้มงวดมากขึ้นในปี 2024 (GB 1499-2024) กำหนดให้ เหล็กเส้นเกรดรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวต้องผ่านการปรุง คุณภาพน้ำเหล็กแบบ external refining และไม่ให้ใช้วิธีการเพิ่มความแข็งแรงของเหล็กเส้นด้วยการชุบแข็งแบบ Tempcore โดยเน้นเหตุผลหลัก 3 ประการ คือ 1. ความเสี่ยงคุณภาพสูง คือ strip steel ไม่สามารถควบคุมส่วนประกอบและคุณสมบัติทางกลได้ 2. ปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ โรงงาน IF ไม่มีมาตรการรักษา สิ่งแวดล้อม และ 3. ความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน จากการ  ไม่มีต้นทุนในการรักษาคุณภาพและสิ่งแวดล้อมทำให้ผลิตสินค้าราคาต่ำกว่า ส่งผลให้สินค้าที่มีมาตรฐานแข่งขันไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากบทเรียนของประเทศจีน กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. จึงได้สรุปผลการศึกษาเสนอให้การแก้ไข มอก. พิจารณาในสาระสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. กำหนดวิธีการผลิตให้ใช้เฉพาะเตา BOF หรือ EAF และกำหนดเหล็กเกรดรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่ต้องมีการปรุงคุณภาพน้ำเหล็กแบบ external refining  2. ไม่ให้ ใช้วิธีเพิ่มความแข็งแรงของเหล็กเส้นด้วยการชุบแข็งแบบ Tempcore 3. ยกระดับคุณสมบัติและการทดสอบเหล็กเส้นที่ทนต่อความล้า (Fatigue) จากการสั่นสะเทือนทั้งรอบสูง และ รอบต่ำจากแผ่นดินไหว และ 4. เพิ่มระบบตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการผลิตและจำหน่าย เหล็กเส้นด้อยคุณภาพเข้าสู่ตลาด ซึ่งการแก้ไข มอก. ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมมาตรฐานเหล็กไทยไปอีกขั้น เพื่อป้องกัน ปัญหาคุณภาพ สร้างมาตรฐานที่เชื่อถือได้ในความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้างของประเทศ

 

ข่าวต่างประเทศ

A red flag with yellow stars

AI-generated content may be incorrect.

 

4. จีนอัดสหรัฐบิดเบือนมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 17 ตุลาคม 2568)

นางเหอ หย่งเฉียน โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่า มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เป็นมาตรการที่ชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับกฎระเบียบของจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการควบคุมการส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการรั่วไหลและการใช้งานแร่หายากอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการนำไปใช้ในการผลิตอาวุธทำลายล้างสูง และเพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติของจีน รวมทั้งความมั่นคงของโลก ซึ่งขอบเขตของมาตรการควบคุมดังกล่าวได้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์แร่หายากบางชนิดในต่างประเทศที่ได้ถูกระบุไว้แล้วในบัญชีควบคุมการส่งออกของจีน เช่น วัสดุแม่เหล็กและชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง และจีนได้แจ้งประเทศต่างๆ ล่วงหน้า รวมทั้งสหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ก่อนการประกาศมาตรการดังกล่าว และจีนยังคงรักษาการสื่อสารอย่างเป็นมิตรกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้กรอบใหม่

อย่างไรก็ตาม การตีความของสหรัฐได้บิดเบือนและขยายความจนเกินจริงต่อมาตรการของจีนอย่างรุนแรง โดยจงใจสร้างความเข้าใจผิดและความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)