ข่าวในประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
1. 'ธนกร' นำทีม ก.อุตฯ เปิด Phuket Veggie & Vogue Fair 2025 (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2568)
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานในพิธีเปิดมหกรรมแสดงนวัตกรรมอาหารและแฟชั่นเจภูเก็ตประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต (Phuket Veggie & Vogue Fair 2025) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายของผู้ประกอบการอาหารและอาภรณ์ในเทศกาลถือศีลกินผัก กับผู้บริโภคและธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเทศกาลดังกล่าวให้ทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ ได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการ "MIND Pavilion" และ "Creative Veggie Market" และพบปะผู้ประกอบการ รวม 26 ราย โดยมี นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางดวงดาว ขาวเจริญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายวีรพงษ์ เอี่ยมเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายเตมีย์ พันธุวงค์ราช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมพิธีเปิดงานฯ ซึ่งมี นายศรันศักดิ์ ศรีเครือเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับคณะฯ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ฟลอเรสต้า ภูเก็ต ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเพณีถือศีลกินผักของชาวจังหวัดภูเก็ต เป็นเทศกาล (Festival ) ระดับโลก สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นอย่างมาก คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1,000,000 คน มีเงินสะพัดประมาณ 15,000 ล้านบาท
จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
2. รัฐ-เอกชนปักธง อุตฯ ใหม่ คู่ชุมชน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2568)
จ.อ.ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาวิชาการแห่งปี "ECO Innovation Forum 2025" ภายใต้แนวคิด "พัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน" ว่า การบริหารภาคอุตสาหกรรมต้องมุ่งสนับสนุนและพัฒนา ควบคู่กับการกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยยึดแนวทาง ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและการส่งเสริมเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรมจะสนับสนุนผู้ประกอบการให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โปร่งใส และยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาในสามมิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมิตรกับชุมชน ทั้งนี้ ทางด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จุดยืนของกระทรวง คือ สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่าน MIND ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคู่ชุมชน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยน ทางประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเดิมซึ่งไม่คำนึงถึง สิ่งแวดล้อมและสังคมได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนายอสิ ตัณสถิตย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อขับเคลื่อนแนวทาง Eco Industry ตลอดจน Eco Industrial Town/ Green Industry และ Eco Factory รวมถึงการจัดการของเสีย ECO Factory for Waste Processor เพื่อให้ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มีเป้าหมาย Net zero ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
3. "ส.อ.ท.-ธปท.” ถกเครียดปมค่าเงินบาท ย้ำ "จีดีพี” ไตรมาส 4 โต 0.3% (ที่มา: ไทยรัฐ, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2568)
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 นี้ ส.อ.ท. เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อร่วมกันหาทางออกเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสถานการณ์ของค่าเงินบาท ยอมรับว่าความผันผวนคือเรื่องปกติ แต่ที่ผ่านมาตั้งข้อสังเกตว่าเงินบาทที่เมื่อเวลาแข็งหรืออ่อนค่ามักสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และ ส.อ.ท. ได้เตรียมข้อเสนอต่อ ธปท. ในการดูแลค่าเงินบาทเพื่อให้ประเทศไทยไม่เสียเปรียบในการค้าและการแข่งขัน โดยเฉพาะกับผู้ส่งออก ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 4 ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ซึ่งเปรียบเสมือน “รถติดหล่ม” เพราะยังคงมีปัจจัยลบจากเรื่องของปัญหาโครงสร้างยังไม่ถูกแก้ไข อาทิ 1. ประเทศไทยมีแรงงานที่อยู่ในวัยทำงานน้อย เพราะไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ 2. การคอร์รัปชันของระบบราชการ รวมถึงกฎหมายที่ล้าหลัง 3. คนไทยติดปัญหากับดักรายได้ปานกลาง 4. งบประมาณที่ไม่สมดุลในการเบิกจ่าย และ 5. ระบบการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่มาจากความเสี่ยงอื่นๆ คือ ภาษีทรัมป์, สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาด, สงครามระหว่างประเทศ, ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา, หนี้ครัวเรือน, เงินบาทแข็งค่า, การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการเกษตร และการเมืองภายในประเทศ ทั้งนี้ จึงคาดว่าไตรมาส 4 นี้ อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศไทยอาจเติบโตเพียง 0.3% ส่งผลจีดีพีตลอดทั้งปีนี้ อาจโตได้เพียง 2% เท่านั้น แต่หากไตรมาส 4 รัฐบาลสามารถเอามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องคนละครึ่ง การกระตุ้นการลงทุน แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และมีมาตรการช่วยหนี้เสีย (NPL) ของเอสเอ็มอีได้ อาจทำให้ช่วยดันจีดีพีได้อีก 0.4% หรือจีดีพีโตไปได้ในกรอบ 1.8-2.2%
อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย จากนี้ยังมีปัจจัยลบมาจากการส่งออกชะลอตัว การผลิตชะลอตัว กำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อภาคการเกษตร ผลผลิต เช่น น้ำท่วม, ภัยแล้ง แม้ว่ามีปัจจัยบวกเข้ามาช่วย เช่น การลงทุนยังมีการขยายตัว ซึ่งประเทศไทยจะต้องเร่งจัดหาพื้นที่รองรับ รวมถึงปัญหาน้ำเพื่ออุตสาหกรรม, ราคาค่าไฟฟ้า, บุคลากร เพราะจะเกิดการย้ายฐานเข้ามาลงทุนมากขึ้น จากกลุ่มอุตสาหกรรม คลาวด์, PCB, ดาต้าเซ็นเตอร์, รถยนต์ไฟฟ้า, อาหารแห่งอนาคต และยังมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งในปี 2569 ที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น
ข่าวต่างประเทศ
4. เวียดนามไม่หวั่นสงครามการค้า ตั้งเป้าจีดีพีโต 10% ปีหน้า (ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2568)
ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เปิดเผยว่า รัฐบาลจะตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP เวียดนาม) ที่ระดับอย่างน้อย 10% ในปี 2569 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยระบุว่าเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความแข็งแกร่ง แม้จะเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ซึ่งประเทศจะยังคงให้ความสำคัญกับการเร่งการเติบโต พร้อมกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค ควบคุมเงินเฟ้อ รักษาดุลเศรษฐกิจหลัก และจำกัดระดับหนี้สาธารณะ และการขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนาม จะขยายตัวมากกว่า 8% ในปีนี้ โดยตั้งเป้าเติบโตที่ 8.3–8.5% ในปี 2568 โดยเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ล่าสุดขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากโรงงานต่างๆ เร่งส่งออกสินค้าสู่ตลาดสหรัฐก่อนที่ภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2568
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)