ข่าวในประเทศ
นายพรยศ กลั่นกรอง
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)
1. 'กรอ.' เพิกถอนโรงงานสีเขียว 15 แห่ง เซ่นทำผิดถูกคำสั่งม.39 หยุดชั่วคราว (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568)
นายพรยศ กลั่นกรอง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดี กรอ. หลังมอบหมายให้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมและรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ครั้งที่ 6/2568 เพื่อพิจารณาให้การรับรองสถานประกอบการที่ได้รับการตรวจประเมินอุตสาหกรรมสีเขียว (GI : Green Industry) ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว และระดับที่ 5 เครือข่ายสีเขียว ซึ่งที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้การรับรองสถานประกอบการที่ดำเนินการตามข้อกำหนดอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 และระดับที่ 5 จำนวน 41 โรงงาน แบ่งเป็น 1. สถานประกอบการที่ได้รับการตรวจประเมินอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 5 จำนวน 15 โรงงาน 2. สถานประกอบการที่ได้รับการตรวจประเมินอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 จำนวน 1 โรงงาน 3. สถานประกอบการที่ได้รับการเทียบระดับอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 จากมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) จำนวน 16 โรงงาน และ 4. สถานประกอบการที่ได้รับการเทียบระดับอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 จากมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ (CSR-DIW) ร่วมกับ ISO 14001 จำนวน 9 โรงงาน
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการเพิกถอนการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งถูกคำสั่งมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 สั่งหยุดประกอบการชั่วคราว ทั้งสิ้น 15 โรงงาน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเพิกถอนการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวที่คณะอนุกรรมการส่งเสริมและรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวกำหนด และนโยบายของ นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.)
2. กำลังซื้ออ่อนแอ ฉุดดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.หดตัว 1.4% (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568)
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนตุลาคม 2568 เท่ากับ 109.3 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2567 ลดลง 1.4%(YoY) เป็นผลจากการลดลงของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลง 13.9% จากสินค้าสำคัญ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลง 7.0% จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติ และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 0.5% จากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ ได้แก่ ทองคำ และเครื่องประดับ (เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับพลอย) จากอุปสงค์ของตลาดโลกที่ยังนิยมการถือครองทรัพย์สินปลอดภัย กลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ ขณะที่มีการลดลงของราคาสินค้าสำคัญประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เนื้อสุกร ข้าวสารเจ้า มันเส้น น้ำตาลทราย มีราคาลดลงตามอุปสงค์ที่ชะลอตัวประกอบกับการแข่งขันกันสูงในตลาดโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี และกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ซึ่งดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนตุลาคม 2568 ในภาพรวมปรับตัวลดลงเกิดจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อุปทานของผลผลิตทางการเกษตรส่วนเกินที่สูงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาตลาดโลกและกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงส่งผลให้ผู้ผลิตไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐด้านต่างๆ จะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของภาคประชาชนในช่วงเทศกาลท้ายปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพฤศจิกายนปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1) สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศที่เข้ามากดดันราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ 2) การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของตลาดปลายทางสำคัญกดดันราคาสินค้าผู้ผลิตในภาคการส่งออก สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่อาจจะส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวสูงขึ้นได้แก่การฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศประกอบกับมาตรการของภาครัฐ เช่นมาตรการคนละครึ่งพลัส หรือมาตรการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณช่วงปลายปีอาจช่วยหนุนราคาสินค้าผู้ผลิตให้ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์ภาคการผลิตอย่างใกล้ชิด
นายใบน้อย สุวรรณชาตรี
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)
3. สอน. ล็อก 9 วันหยุดหีบอ้อยลดพีเอ็ม 2.5 ช่วงปีใหม่ (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568)
นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า ฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย ปี 2568/69 กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสอน.ได้กำหนดมาตรการลด PM 2.5 สู่เป้าหมายอ้อยเผา 0% โดยมีมาตรการทางกฎหมายและการบังคับใช้ ขอความร่วมมือรับเฉพาะอ้อยสดตั้งแต่ช่วงต้นของหีบจนถึงช่วงวันเด็ก พร้อมกำหนดปริมาณอ้อยเผาไม่เกิน 20% ต่อวัน และทั้งฤดูการผลิตไม่เกิน 10% และให้โรงงานน้ำตาลหยุดรับอ้อย 27 ธันวาคม 2568 - 4 มกราคม 2569 นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงแก้ไขระเบียบการตัดและส่งอ้อยให้แก่โรงงาน ตลอดจนออกระเบียบการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงาน พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (GISTDA และกระทรวง DE) ในการติดตามจุดความร้อน (Hot spot) พร้อมติดตามร่องรอยการเผา (Burned Scar) รวมทั้งสนับสนุนการใช้ TraffyFondue "แจ้งอุต" เรื่องการเผาอ้อย เพื่อรายงานอ้อยเผา สำหรับให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส ซึ่งตลอด 9 วันที่ให้โรงงานน้ำตาลหยุดรับอ้อย เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย และยังมีส่วนในการกระตุ้นท่องเที่ยวของไทยช่วงวันหยุดยาวด้วย โดยครั้งนี้เป็นการแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลมีเวลาเตรียมตัววางแผนการตัดสดและการหีบ
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังออกมาตรการส่งเสริมเทคโนโลยีและเครื่องจักรกล โดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับเกษตรกรชาวไรอ้อยเพื่อการบริหารอัดการแหล่งน้ำและชื่อเครื่องจักรกลการเกษตรในไร่อ้อยฯ ปี 2568-2570 ปีละ 2,000 ล้านบาท วงเงินรวม 6,000 ล้านบาท (หากปีแรกใช้ไม่หมด สามารถทบวงในไปปีอัดไปได้) ผู้ก็จ่ายดอกเบี้ย 2% ต่อปี และมาตรการทางการเงินและการสร้างแรงจูงใจ ขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐจูงใจเกษตรกรชาวไร่อ้อย เก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีฤดูการผลิตปี 2568/69 เฉพาะอ้อยสดละอาดคุณภาพดี 100% เท่านั้น รวมทั้งขอรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่นำใบและยอดอ้อยส่งขายให้โรงงานไฟฟ้าชีวมวล เฉพาะชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด สะอาด คุณภาพดี 100% เท่านั้น และประสานกระทรวงพลังงานส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีสัดส่วนการใช้ใบและยอดอ้อยเป็นเชื้อเพลิง ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าราคาเหมาะสม
ข่าวต่างประเทศ
4. ดัชนี PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่นเดือนต.ค. หดตัวแรงสุดในรอบ 19 เดือน เหตุดีมานด์ซบเซา (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568)
S&P Global เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่น ปรับตัวลงสู่ระดับ 48.2 ในเดือนตุลาคม 2568 จาก 48.5 ในเดือนกันยายน ซึ่งหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 19 เดือน โดยมีปัจจัยกดดันจากอุปสงค์ที่ซบเซาอย่างหนักในอุตสาหกรรมหลักอย่างยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ โดยตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าค่าประมาณการเบื้องต้นที่ 49.3 และถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นอยู่ต่ำกว่า 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แล้ว นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า ยอดคำสั่งซื้อใหม่หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 20 เดือน อันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านงบประมาณของลูกค้าและอุปสงค์ที่อ่อนแอ ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 44 โดยเฉพาะจากตลาดเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ แต่เป็นการหดตัวในอัตราชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจ PMI ยังสะท้อนให้เห็นว่า มุมมองของผู้ผลิตต่อผลผลิตในอนาคตกลับมาเป็นบวกมากขึ้นในเดือนตุลาคม โดยมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังต่อการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้อย่างแพร่หลาย และการฟื้นตัวของภาคยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางแนวโน้มที่ภาวะการค้าโลกจะกลับสู่ภาวะปกติ
หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)