ข่าวประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568

ข่าวในประเทศ

รูปภาพประกอบด้วย คน, ใบหน้าของมนุษย์, ผูก, กลางแจ้ง

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

1. เต็มเหนี่ยวบุกกาญจน์ จับรง.ซุกกากพิษ 10 ตัน (ที่มา: มติชน, ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568)

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการชุดปฏิบัติการ "เต็มเหนี่ยว" กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบโรงงานประกอบกิจการคัดแยกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งอยู่หมู่ 17 ตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี จากการตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าวมีการติดตั้งเครื่องจักรร่วม 73 แรงม้า และมีการครอบครองวัตถุอันตราย คือ แบตเตอรี่ชนิดตะกั่ว-กรด ทั้งสภาพสมบูรณ์และแยกส่วนแล้ว ปริมาณกว่า 10 ตัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับชุมชนบริเวณใกล้เคียงได้ และไม่ได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการคัดแยกชิ้นส่วนอย่างถูกต้อง จึงได้แจ้งความผิดข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่ง สอจ.กาญจนบุรี ได้สั่งให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนทันที พร้อมดำเนินการตามกฎหมายในทุกข้อหาความผิดอย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม การลักลอบประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่ายเป็นโรงงานเถื่อน มีการเก็บและแยกชิ้นส่วนวัตถุอันตราย จำนวนกว่า 10 ตัน ถือว่าอันตรายมาก ไม่มีการกำกับดูแลจากกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากจะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของแรงงานผู้ปฏิบัติงานแล้ว ยังอาจปนเปื้อนไปยังแหล่งน้ำและดินของชุมชน จึงสั่งการให้ชุดเต็มเหนี่ยวดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องการให้กวดขันในประเด็นนี้

 

รูปภาพประกอบด้วย คน, เสื้อผ้า, ใบหน้าของมนุษย์, สวมใส่อย่างเป็นทางการ

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา

อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม)

 

2. "ดีพร้อม" หนุนงานฝีมือยกระดับเป็นหัตถอุตสาหกรรม (ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568)

นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ "ดีพร้อม" (DIPROM) ยกระดับ "งานฝีมือ" ให้กลายเป็น "หัตถอุตสาหกรรม" ที่มีพลังทางเศรษฐกิจและแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ โดยการสืบสานและต่อยอดพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงวางรากฐานการส่งเสริมงานหัตถกรรมไทยมาอย่างยาวนาน เพื่อให้งานฝีมือไทยสามารถยกระดับชีวิตราษฎร และกลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จึงได้ดำเนินนโยบาย "ดีพร้อมคอมมูนิตี ที่นี่มี แต่ให้" ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน เพื่อมุ่งเน้น     การปรับใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน พร้อมยกระดับศักยภาพบุคลากรและงานหัตถกรรมไทย ให้มีทักษะและองค์ความรู้ สู่การเป็นหัตถอุตสาหกรรมที่โดดเด่น โดยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ 3 H คือ Hand (ฝีมือ) Heritage (มิติทางวัฒนธรรม) และ High Value (มูลค่าสูง) ซึ่งเป็นการปฏิวัติแนวคิด ผสานงานฝีมือไทย เข้ากับดีไซน์ และนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ที่จะพาผู้ประกอบการงานหัตถกรรมไทย ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ร่วมสมัยที่โดดเด่นในตลาดระดับโลก

อย่างไรก็ตาม สำหรับ VARNI Craft จังหวัดพัทลุง เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีเรื่องราวสะท้อนภาพแห่งพลังศิลป์และศรัทธา ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง โดยมี มนัทพงค์ เซ่งฮวด เป็นดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ในปี 2555 ซึ่งมีคุณแม่วรรณี เซ่งฮวด สมาชิกศิลปาชีพหัวป่าเขียว เป็นผู้ได้รับพระราชทานทุนตั้งต้น 15,000 บาท จาก            พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อจัดตั้ง "กลุ่มหัตถกรรมกระจูดวรรณี" และจากกลุ่มเล็กๆ ที่มีชาวบ้านเพียง 7-8 คน ได้เติบโตเป็นกลุ่มช่างกว่า 250 คนในปัจจุบัน กลายเป็นทั้งอาชีพ และความภาคภูมิใจของคนในชุมชน

 

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

 

3. 'บีโอไอ' ผนึกกำลังหน่วยงานขับเคลื่อน FastPass ลุยลงทุน (ที่มา: ทันหุ้น, ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568)

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด บีโอไอ) มีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงาน ภายใต้มาตรการเร่งรัดการลงทุนและแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน ประกอบด้วย  1. การขับเคลื่อนระบบ FastPass เพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งรัดโครงการลงทุนสำคัญ 2. ความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค 3 ด้านสำคัญ คือ เรื่องไฟฟ้า การจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน และ 3. การติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติในช่วงปี 2566-2567 จำนวน 74 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การขับเคลื่อนระบบ FastPass ในระยะแรก เพื่อเร่งรัดการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาต ที่สำคัญจาก 7 หน่วยงาน ได้แก่ บีโอไอ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกรมการจัดหางาน และสำนักงาน EEC คาดว่าจะลดเวลาในการพิจารณาได้ร้อยละ 20-50 อีกทั้งบอร์ดบีโอไอยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัดการลงทุน (FastPass) โดยมีเลขาธิการบีโอไอเป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ/อนุญาต อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน กพร.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กรอ. กนอ. สผ. และสำนักงาน EEC โดยมุ่งเป้าในการขยายระบบ FastPass ให้ครอบคลุมขั้นตอนหลักในการอนุมัติ/อนุญาตที่ส่งผลต่อการเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ประชุมยังได้ติดตามความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคด้านการลงทุน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) และสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถเริ่มลงทุนได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอุปสรรค 3 ด้านสำคัญที่เป็นปัญหาร่วมกันของหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ด้านไฟฟ้า ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน และด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน

 

ข่าวต่างประเทศ

รูปภาพประกอบด้วย ธง, ธงประจำชาติสหรัฐอเมริกา, สัญลักษณ์, วันธง (สหรัฐอเมริกา)

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

 

4. มาเลเซียว่างงานลดลงแตะ 3% ในไตรมาส 3/68 คาดตลาดแรงงานขยายตัวต่อเนื่อง (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568)

สำนักงานสถิติมาเลเซีย เปิดเผยรายงานว่า อัตราการว่างงานของมาเลเซียในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 3% ขณะที่มีจำนวนผู้ว่างงาน 519,900 คน ลดลง 0.2% จาก 520,900 คนในไตรมาสก่อนหน้า ขณะเดียวกัน กำลังแรงงานขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 17.49 ล้านคน อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานเพิ่มขึ้น 0.1 จุด แตะ 70.9% จาก 70.8% ในไตรมาสก่อน โดยในรายงานระบุว่า จากแนวโน้ม  ขาขึ้นดังกล่าว จึงส่งผลให้จำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 0.7% เช่นกัน มาอยู่ที่ 16.97 ล้านคน จาก 16.85 ล้านคนในไตรมาส 2/2568 สำหรับเดือนกันยายน 2568 เดือนเดียว จำนวนผู้ว่างงานลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 518,600 คน ขณะที่อัตราว่างงานแตะระดับ 3%

อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ ระบุว่า ตลาดแรงงานมาเลเซียทำผลงานดีที่สุดในรอบทศวรรษ อีกทั้งยังแสดงแนวโน้มสดใสสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง ทั้งในแง่ของโอกาสการจ้างงาน เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาสังคม ทั้งนี้ คาดว่าตลาดแรงงานจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทุนมนุษย์ การเป็นผู้ประกอบการ และการลงทุนในภาคยุทธศาสตร์ เช่น อุตสาหกรรมฮาลาล และเทคโนโลยีดิจิทัล

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)