ข่าวประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568

ข่าวในประเทศ

รูปภาพประกอบด้วย ใบหน้าของมนุษย์, คน, เสื้อผ้า, ชาย

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายศุภกิจ บุญศิริ

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)

 

1. สศอ. ห่วงวัฏจักรขาลง อุตสาหกรรมไทย (ที่มา: มิติหุ้น, ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568)

นายศุภกิจ บุญศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่กระทบต่อภาคอุตสหกรรม มีทั้งความไม่แน่นอน ของนโยบายด้านเศรษฐกิจ และมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลกระทบทำให้กำลังซื้อ และสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ที่ส่งผลต่อภาคการผลิต ทำให้ส่งผลกระทบต่อสถานประกอบการ เครื่องจักรและอุปกรณ์ แรงงาน การขนส่ง ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม โดยปัจจัยภายในประเทศอยู่ในวัฏจักรขาลง และมีภาวะต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะด้านการลงทุนภาคเอกชนที่หดตัวสูงจากเดือนก่อน รวมถึงความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่หดตัวในภาคการผลิต ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมีสัญญาณเฝ้าระวังลดลงจากเดือนก่อนตามการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) 10 เดือนแรก ปี 2568 หดตัว 0.8% สศอ. จึงปรับประมาณการปี 2568 คาดว่าดัชนี MPI หดตัว 0.75% และการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัว 0.5% ส่วนประมาณการในปี 2569 คาดว่าดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัวได้ที่ 1 – 2% หลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

 

รูปภาพประกอบด้วย ใบหน้าของมนุษย์, เสื้อผ้า, คน, ชาย

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

นายดุสิต อนันตรักษ์

รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม)

 

2. ดีพร้อม จับมือ SMRJ ยกระดับเอสเอ็มอีไทย-ญี่ปุ่น (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568)

นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ดีพร้อม) เปิดเผยว่า ได้ต้อนรับนายคาเนโกะ โทโมฮิโระ รองประธานบริหารองค์การเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมภูมิภาคแห่งประเทศญี่ปุ่น (SMRJ) พร้อมคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและนโยบายการสนับสนุนและยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ไทย-ญี่ปุ่น การประชุมครั้งนี้ได้หารือร่วมกันถึงผลการดำเนินงานความร่วมมือระหว่าง ดีพร้อม และ SMRJ ที่ผ่านมา ในกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ CEO Business Meeting ที่มุ่งเน้นการเชิญผู้บริหารระดับสูง (CEO) ของบริษัทจากประเทศไทยและต่างชาติเข้าร่วม เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเจรจาธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและคล่องตัว ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2566 ถึงปัจจุบัน โดยในปี 2568 กิจกรรม CEO Business Meeting มีการจัดขึ้นภายใต้ 3 ธีมงาน คือ อุตสาหกรรมนวัตกรรม(Innovative Industry) อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ (Medical Equipment Industry) และ เทคโนโลยีเชิงนิเวศน์ (Eco Technology) ทั้งนี้ ในปี 2569-2570 ทั้งสองหน่วยงานยังคงมีแผนที่จะสานต่อกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง โดยดีพร้อมการวางแผนในการดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการไทยให้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคุณภาพต่อไป นอกจากนี้ทั้งสองหน่วยงานยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบายการสนับสนุนและการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการSMEs ไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งแพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจ "J-GoodTech" ของ SMRJ มีความแข็งแกร่งดังนั้นดีพร้อมเล็งเห็นถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการฐานข้อมูลผู้ประกอบการที่ทันสมัย โดย SMRJ ยินดีที่จะให้คำปรึกษาแนะนำ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำมาพัฒนาแพลตฟอร์มของดีพร้อมในอนาคต และความร่วมมือนี้จะนำไปสู่การกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคต เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม ได้ให้การต้อนรับนายโกโตดะ มาซาซูมิ ผู้ว่าราชการจังหวัดโทคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมคณะผู้ประกอบการ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและประชุมหารือแนวทางในการส่งเสริม SMEs และการพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกัน โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายในระดับภูมิภาคร่วมกัน การหยิบยกประเด็นแนวโน้มอัตราการเกิดใหม่น้อย และปัญหาการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) ซึ่งประเทศญี่ปุ่นกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้มาตรการเชิงรุกผ่านการเพิ่มผลิตภาพต่อหัว และการปฏิรูปภาคการศึกษา เพื่อพัฒนาบุคลากรด้าน STEAM (Science, Technology, Engineering, Arts, and Mathematics) ร่วมกับสมาคมภาคอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือ เคดันเรน (Keidanren) โดยในส่วนของดีพร้อม ได้นำเสนอแนวทางของภาครัฐที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์สังคมสูงวัย เช่น การเพิ่มผลิตภาพต่อหัวของแรงงาน และการพัฒนาตลาด เฉพาะกลุ่ม (Niche Market) สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สังคมสูงวัย รวมถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยผ่านการให้บริการของศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (ITC) ทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ

 

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ

ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

 

3. กนอ.เปิดโปรเจค TechNet ปั้นบุคลากรรับมืออุตสาหกรรมยุคใหม่ (ที่มา: แนวหน้า, ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568)

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดอบรมหลักสูตร "เครือข่ายเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมอนาคต" หรือ TechNet (Technology & Innovation Networking for Future Industries) รุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมาว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งการปฏิวัติดิจิทัล (Digital Disruption) และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นความท้าทายที่อุตสาหกรรมไทยต้องเร่งบูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม หากยังยึดติดกับโครงสร้างการบริหารแบบเดิม คงยากที่จะรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ กนอ.จึงเร่งปรับบทบาทจากเดิมที่เป็นเพียงผู้กำกับดูแล (Regulator) สู่การเป็น "ผู้สนับสนุนและวางโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา" โดยใช้ สถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม กนอ.   (I-EA-T Academy) เป็นกลไกหลักในการพัฒนาทุนมนุษย์ เพราะในยุคปัจจุบันความสามารถในการปรับตัวของบุคลากรมีคุณค่าอย่างมาก โดยหลักสูตร TechNet รุ่นที่ 1 ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างผู้นำที่มีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ผ่านระบบการเรียนรู้แบบบูรณาการที่เน้นประสบการณ์จริง (Experiential Learning)

อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวจากการเป็นผู้ตาม ขึ้นมาเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคได้นั้น คือ 'ความร่วมมือ' ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา กนอ. จึงมุ่งมั่นให้ TechNet เป็นต้นแบบแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย I-EA-T Academy จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการถักทอเครือข่ายพันธมิตร (Partnership) เชื่อมโยงตั้งแต่นักพัฒนานวัตกรรมไปจนถึงผู้ปฏิบัติงานจริง พร้อมยกระดับทักษะทั้ง การสร้างทักษะใหม่ (Reskill), การยกระดับทักษะเดิม (Upskill) และ การพัฒนาทักษะเชิงลึก (Deep skill) เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมใหม่ (New Ecosystem) ที่เข้มแข็ง และเปลี่ยนผ่านบุคลากรให้เป็นบุคลากรคุณภาพ (Talent) ที่มีศักยภาพ พร้อมรับมือกับกติกาการค้าโลกและเทรนด์ความยั่งยืนในอนาคต และสามารถทำให้ไทยขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมในภูมิภาค

 

ข่าวต่างประเทศ

รูปภาพประกอบด้วย มีสีสรร, สีแดง, วงกลม, ภาพหน้าจอ

เนื้อหาที่สร้างโดย AI อาจไม่ถูกต้อง

 

4. PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่นเดือนพ.ย.หดตัวช้าลง แม้ยอดสั่งซื้อซึมยาว 2 ปีครึ่ง (ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568)

S&P Global เปิดเผยผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นประจำเดือนพฤศจิกายน 2568 พบว่า ดัชนีปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 48.7 จากระดับ 48.2 ในเดือนตุลาคม ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นที่ 48.8 แม้ดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50.0 จะบ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แต่ถือเป็นอัตราการหดตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดรายกลุ่มพบว่า สินค้าขั้นกลางและสินค้าเพื่อการลงทุนยังคงอยู่ในภาวะซบเซา มีเพียงสินค้าอุปโภคบริโภคที่กระเตื้องขึ้นเล็กน้อย ปัญหาหลักยังคงอยู่ที่ยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงต่อเนื่องยาวนานถึง 2 ปีครึ่ง โดยผู้ประกอบการระบุว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ลูกค้าลดงบประมาณ และการลงทุนภาคเอกชนลดลง โดยเฉพาะความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และเซมิคอนดักเตอร์ที่อ่อนตัวลงอย่างชัดเจน นอกจากปัญหาด้านยอดขาย ผู้ผลิตยังเผชิญแรงกดดันด้านต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้นในอัตราเร่งติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทั้งจากค่าแรงและราคาวัตถุดิบ ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อประคองธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเริ่มมีความหวังมากขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ปัจจัยบวกมาจากการเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่และการคาดการณ์ว่าตลาดจะฟื้นตัว โดยเฉพาะในหมู่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการขนส่ง ทั้งนี้ ทางด้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ก็ได้เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน โดยคณะรัฐมนตรีเพิ่งอนุมัติมาตรการวงเงิน 21.3 ล้านล้านเยน เพื่อเร่งเครื่องการเติบโตของประเทศ

 

หมายเหตุ : ค่าเงินบาท อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาทองคำ อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ ราคาน้ำมันและราคา NGV อ้างอิงจากราคาน้ำมันขายปลีกบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)